วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทรีตเมนท์ภาพยนตร์เรื่อง โลกสองใบ (ในความต่างของเวลา) PAST2PRESENT


         ในปี พ.ศ. 2570 กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มืดหม่นทั้งผู้คนและสภาพแวดล้อม จากเหตุการณ์วางระเบิดตึก
Bangkok World Tower ตึกคอนกรีตเสริมเหล็กที่สูงที่สุดในโลกถึง 123 ชั้น เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 หรือ
ที่รู้จักกันในเหตุการณ์ “Bloody Valentine”

         การวางระเบิดของ กองกำลังรักชาติ (กรช.) ในเหตุการณ์ “Bloody Valentine” เพื่อต่อต้านระบบทุนนิยมและ
การครอบงำชาติด้วยเงินตรา โดยกลุ่ม กรช. ได้แสดงความรับผิดชอบต่อการระเบิดครั้งนั้นที่มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า
 300 คน เป็นคนไทยถึง 80 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันหลายเชื้อชาติ

         ในปัจจุบัน กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นศูนย์รวมของผู้คนหลากเชื้อชาติหลายภาษา โดยคนไทยส่วนใหญ่ได้ย้ายถิ่นฐาน
ไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า เพราะเทคโนโลยีทางการสื่อสารได้เชื่อมทั้งโลกให้เป็นหนึ่ง
เดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว

         กรุงเทพฯ จึงกลายเป็นเมืองประวัติศาสตร์ให้ผู้คนได้มาศึกษาและระลึกถึงเหตุการณ์ “Bloody Valentine” โดยได้
ทิ้งซากตึก Bangkok World Tower ไว้ในสภาพเดิม เนื่องจากเสี่ยงต่อการถล่มซ้ำทั้งยังได้จัดพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่
อันตราย ผู้คนที่มาเยี่ยมชมอนุสรณ์ของเหตุการณ์ครั้งนั้นจะสามารถเข้ามาได้เพียงพื้นที่รอบนอกเท่านั้น

บางคนมาเพื่อเรียนรู้ บางคนมาเพื่อรำลึกถึง บางคนมาเพื่อลืมเลือน แต่อีกหลายคนได้ถูกเหตุการณ์ครั้งนั้นพรากช่วง
เวลาแห่งอนาคตไปตลอดกาล

         ไอชายล์ หนุ่มนักศึกษาปริญญาโทวัย 25 ปี ผู้สูญเสียพี่ชายในเหตุการณ์ “Bloody Valentine” ในวันนั้นไอชายล์
ได้ให้พี่ชาย ผู้เป็นวิศวกรประจำตึกพาเขาเที่ยวชมตึก Bangkok World Tower โดยไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่
เขาจะได้เห็นรอยยิ้มของพี่ชาย

        พอแยกจากพี่ชายแล้วไอชายล์ก็มาที่มหาวิทยาลัย แต่กลับมีข่าวเหตุการณ์ตึก Bangkok World Tower ถล่มจาก
การลอบวางระเบิดถูกส่งผ่านสื่อต่างๆ พอรู้ข่าวไอชายล์พยายามจะกลับไปหาพี่ชาย แต่พื้นที่บริเวณนั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่
ปิดล้อมไว้แล้ว

         เป็นอีกครั้งที่ไอชายล์ต้องสะดุ้งตื่นในตอนเช้าจากความฝันถึงการสูญเสียพี่ชายในซากตึกถล่ม ฝันที่ไม่เคยแปร
เปลี่ยน ฝันที่ไม่เคยลางเลือน เขาแทบจะจำรอยยิ้มของพี่ชายไม่ได้แล้ว แต่ความฝันนี้กลับฝังแน่นไม่จางหาย เขาตื่นมา
พบกับวันซ้ำๆ รายการทีวีที่มีวง girlband เหมือนๆ กันออกมาร้องๆ เต้นๆ รายงานข่าวที่มีแต่ข่าวกองกำลังรักชาติวาง
ะเบิดที่ต่างๆ ไม่เคยหยุดหย่อน และถูกวิสามัญฆาตกรรมอยู่เสมอบนโลกใบเดิม

         ไอชายล์มาที่มหาวิทยาลัยในสถานะของนักศึกษาป.โท เขากำลังทำวิจัยเรื่องการจำลองอนุภาคเสมือนด้วย
เครื่องฉายรังสี เป็นการถอดโครงสร้างสิ่งต่างๆ แล้วเก็บไว้ด้วยข้อมูลแสง ซึ่งสามารถนำไปทำซ้ำได้อย่างไม่จำกัด
ทั้งยังส่งข้อมูลไปได้ทั่วโลกด้วยความเร็วแสง แม้ว่าแท้จริงแล้วการวิจัยของเขาจะมุ่งหวังการถอดโครงสร้างของ
สิ่งมีชีวิตเพื่อส่งผ่านกาลเวลาให้ได้ก็ตาม

          ตอนเริ่มต้นเขาพยายามจะทำการวิจัยเรื่องการเดินทางข้ามกาลเวลา แต่ก็ต้องไปติดอยู่ที่กำแพงของ E=MC²
เพราะยิ่งเพิ่มพลังงาน มวลก็ยิ่งเพิ่ม จนไม่มีทางเร่งไปถึงความเร็วแสงได้ ดังนั้นสิ่งที่จะเดินทางด้วยความเร็วมากกว่า
ความเร็วแสงได้จะต้องไม่มีมวล

          เขาจึงหันมาค้นคว้าเรื่องแสงจนสามารถเข้ารหัสแสงด้วยสัญญาณแบบต่างๆ ได้ และถอดข้อมูลออกมาได้ด้วย
เครื่องรับแสงถอดรหัส ซึ่งเขาตั้งใจที่จะเข้ารหัสตัวเองเป็นข้อมูลแสงแล้วส่งผ่านเวลากลับไปหาพี่ชาย...

เรน่า นักร้องสาววัย 17 ปี หนึ่งในสมาชิกของ girlband อันดับ 1 ที่กำลังจะมาถึงทางตัน เพราะมีวงเกิดใหม่แทบทุกวัน การขายสัญญาณผ่านสื่อรับภาพต่างๆ เริ่มอิ่มตัว ต้องหาช่องทางใหม่ๆ หรือปรับรูปแบบของตัวเองใหม่

เรน่าสูญเสียแม่ไปในเหตุการณ์ “Bloody Valentine” ในวันนั้นเรน่าอายุ 12 ปีเป็นเพียงเด็กหญิงทั่วๆ ไปคนหนึ่ง
แต่การที่ต้องติดอยู่ในซากตึก Bangkok World Tower ถึง 11 ชั่วโมง และแน่นอนว่าเหตุการณ์ในวันนั้นได้ถูก
ถ่ายทอดผ่านสื่อทุกชนิดแบบ reality จากเด็กสาวที่ไม่มีคนรู้จักกลายเป็นคนดังเพียงแค่ข้ามคืน

การรอดชีวิตของเรน่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง สื่อต่างๆ หวังจะทำเงินจากเรน่า ในที่สุดค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
ก็ได้ตัวเรน่าไปทำสัญญาออกเทปกับสมาชิกอีก 3 คน เป็น girlband ในนาม W.I.S.H.

แม้หนทางชีวิตเหมือนจะสดใส จากคนที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นตัวแทนความหวังของคนอื่นๆ แต่กับตัวเรน่าเองกลับไม่
รู้สึกถึงอนาคต ไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงปัจจุบัน ในวันที่ต้องสูญเสียคุณแม่ไปนั้นความทรงจำในซากตึกมีเพียงความมืดที่
เลือนราง และอ้อมกอดที่เย็นชืดของแม่ที่ไร้ลมหายใจ

5 ปีที่ต้องถูกจับจ้องจากสื่อต่างๆ 5 ปีที่ต้องอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว 5 ปีที่เวลาไม่เคยพาให้พ้นจากความมืดในวันนั้น
และในวันนี้เพียงอยากได้ความทรงจำจากไออุ่นของแม่กลับมา...

คงศักดิ์ นายตำรวจวัย 45 ปี ผู้สูญเสียลูกชายไปในเหตุการณ์ “Bloody Valentine” และเดินหน้าตามล่าล้างแค้นพวก
กองกำลังรักชาติตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

นับตั้งแต่วันที่ภรรยาทอดทิ้งเขาและลูกน้อยไปเมื่อ 11 ปีก่อนเพื่อไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ เขาก็ปฏิญาณกับตัวเองว่าจะ
ดูแลลูกชายคนนี้ให้ดีที่สุด ให้อดีตเมียของเขาได้สำนึกว่าเลือกทางผิดที่ทอดทิ้งได้แม้แต่ลูกน้อยและตัวเขา เพียงเพราะ
เขาไม่มีเวลาให้เท่านั้น

จากวันนั้นเขาก็ทุ่มเทฟูมฟักลูกชายคนเดียวอย่างสุดความสามารถ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใครไปอีก ความสุขในแต่ละวัน
จึงเป็นการเฝ้ามองพัฒนาการของลูกชายที่เติบโตขึ้น วันแรกที่ลูกพูดคำว่า พ่อ วันแรกที่ลูกก้าวเดิน วันที่ลูกเริ่มไป
โรงเรียน วันเกิดครบรอบ 6 ขวบ และวันที่โรงเรียนพาไปทัศนศึกษาในงานนิทรรศการสัตว์โลกที่สูญพันธุ์ ณ ตึก
 Bangkok World Tower เป็นวันที่ลูกชายจากเขาไปตลอดกาลเพราะการวางระเบิดของพวก กรช.

สิ่งเดียวที่ผลักดันให้เขามีชีวิตอยู่ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ทำให้โลกเน่าๆ ใบนี้สดใสขึ้น อนาคตทั้งหมดที่เขาจะคาด
หวังได้สูญสลายไปหมดแล้ว เพียงเพราะความสิ้นคิดของคนเพียงกลุ่มเดียว กลุ่มคนที่ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
อีกต่อไป ซึ่งเขาจะจัดการเอง

กลุ่มกองกำลังรักชาติซึ่งมีผู้นำที่เป็นปริศนาได้เดินหน้าดำเนินแผนปลดแอกคนไทยจากการเป็นทาสของเงินตรา
ต่างชาติต่อไป ด้วยความมุ่งหวังที่จะรวมคนไทยให้เป็นหนึ่ง

ความพยายามตลอด 5 ปีของไอชายล์แทบจะสูญเปล่า เพราะจนถึงวันนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าการจำลองอนุภาคเสมือนจะ
ใช้ได้กับสิ่งมีชีวิต นี่เราเสียเวลาตลอด 5 ปีนี้ไปเพื่ออะไรกัน...

เรน่าเริ่มมองหาหนทางที่จะดิ้นรนอยู่ให้ได้ในวงการบันเทิงนี้ต่อไป การเป็นแค่ pop idol สมองกลวงคงอยู่ได้อีกไม่นาน
 วง W.I.S.H. คงต้องแยกย้ายกันไปในที่สุด นักร้องไม่ควรจะเป็นแค่คนที่อ้าปากส่งเสียงตามที่คนอื่นเขียนมา แต่ควรจะ
ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นบทเพลง เพลงที่เขียนด้วยตัวเอง เพลงที่ให้ความหวังกับผู้คน แต่จะทำได้ยังไง
ในเมื่อตัวเราเองยังมองไม่เห็นความหวังนั้นเลย...

ศพไม่รู้กี่ศพที่คงศักดิ์เป็นผู้ทำให้เกิดในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ แต่ละคืนที่ต้องนอนหลับตาด้วยความแค้น ความตาย
ของพวก กรช. เท่านั้นที่ช่วยบรรเทามันได้ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ ความตายของกลุ่มคนที่เขาเคียดแค้นกลับมี
ผลต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขามารู้ว่าหนึ่งในนั้นก็เป็นพ่อคนเหมือนที่เขาเคยเป็น และมีลูกชายวัยเยาว์เช่นเดียวกัน
เด็กชายวัย 7 ขวบที่จะต้องเป็นกำพร้าเพราะพ่อของเด็กคนนั้นถูกเขาฆ่าด้วยความแค้นในอดีตเท่านั้นเอง...

โลกไม่เคยแสดงท่าทีแบบใดทั้งสิ้น เป็นเพียงธรรมชาติที่เลื่อนไหลไปตามกฎของมันเท่านั้นเอง มนุษย์จะคาดหวังอะไร
กับโลกใบนี้กันนัก หวังที่จะให้เป็นไปอย่างที่ตนต้องการ สำหรับความต้องการกว่า 7,000 ล้านความต้องการ โลกจะ
ต้องเปลี่ยนไปแค่ไหนหรือมีอีกกี่ใบถึงจะเพียงพอ

ในที่สุดเมื่อมองไม่เห็นทางข้างหน้า ก้าวเดินต่อไปไม่ถูก ผู้คนก็เลือกที่จะเดินกลับไปในอดีต หรือสถานที่ที่เกี่ยวพันกับ
อดีตของตน เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ เพื่อหย่อนพัก เพื่อค้นหากำลังใจแม้เพียงน้อยนิดที่จะก้าวเดินต่อไป แต่จะมีสักกี่คน
ที่จะข้ามผ่านมันได้

ทุกปีที่ครบรอบเหตุการณ์ “Bloody Valentine” ผู้คนมากมายที่สูญเสียในเหตุการณ์นี้จะกลับมารวมกันเพื่อไว้อาลัยต่อ
ผู้จากไป และในปีนี้ก็เช่นกัน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2570 ผู้คนเหล่านั้นก็มารำลึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ในอดีต
แต่สิ่งที่ต่างไปคือพอตกค่ำกลับมีคน 3 คนจากต่างที่แอบเข้าไปในเขตอันตรายซึ่งเป็นกองซากตึกที่ถล่มเมื่อ 5 ปีก่อน

ไอชายล์มุดเข้าไปในซากตึก Bangkok World Tower ด้วยความท้อแท้ ทุกๆ วันหลังจากที่เขาตื่นจากฝันร้าย สิ่งที่เขามุ่ง
หวังมีเพียงว่าการทดลองของเขาจะคืบหน้า จะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น แต่จนถึงวันนี้มันก็ไม่ได้ไปใกล้เป้าหมาย
ของเขาเลย แม้แต่ศพของพี่ชายเขาก็ยังไม่เคยเห็น ในเหตุการณ์วันนั้นมีผู้สูญหายนับร้อย เนื่องจากไม่อาจทำการขุดค้น
ซากตึกได้อีกต่อไปจึงต้องปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น ใต้ซากตึกนี้จึงมีอีกหลายศพที่จมหายอยู่ในความมืดมิดรวมทั้งพี่ชายของ
เขา

เรน่าแอบเข้ามาที่ซากตึกนี้ด้วยความหวาดกลัว หลังจากพยายามแต่งเพลงมานับสัปดาห์แต่ก็ไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึก
ออกมาได้ เนื่องมาจากช่องว่างขนาดใหญ่ในหัวใจที่เกิดจากคืนนั้นเมื่อ 5 ปีก่อน ช่วงเวลา 11 ชั่วโมงที่ต้องนอนหายใจ
อยู่ในความมืดและอ้อมกอดที่เย็นชืด ความอบอุ่นได้หายไปจากดวงใจน้อยๆ นั้นแล้ว

ความแค้นที่คงศักดิ์แบกไว้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความอ่อนล้าและทรุดโทรมปรากฏอยู่บนใบหน้าและร่างกาย
เขายิ่งตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ดีเมื่อต้องพยายามหลบเข้ามาที่ซากตึก Bangkok World Tower ในคืนนี้ ความทุกข์จากการ
สูญเสียลูกชายผู้เป็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ของเขา ย่อมสมควรแล้วที่เขาจะแก้แค้นผู้ที่พรากแสงสว่างแห่งชีวิตไป
จากเขา แต่จนถึงวันนี้นอกจากชีวิตของพวก กรช. ที่เขาได้ทำลายไปแล้ว เขายังทำลายความหวังของการมีชีวิตอยู่ของ
ใครไปอีกหรือไม่ แล้วมันคือสิ่งที่เขาต้องการ คือสิ่งที่เขาควรทำจริงหรือ

3 คน 3 ความต้องการ 3 เรื่องราวที่เข้ามาที่นี่ในช่วงเวลานี้ อาจกระตุ้นให้อีกหลายร้อยเรื่องราวที่ถูกฝังอยู่ในซากตึกนี้ได้
เคลื่อนไหว จนแรงกระเพื่อมนั้นทำให้ซากตึกเกิดทรุดถล่มลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้ได้พาทั้ง 3 คนให้ท่องไปสู่ช่วงเวลาที่
พวกเขาปรารถนาเมื่อ 5 ปีก่อน...

 แสงเช้าสดใสแย้มออกมาจากขอบข้างของตึก Bangkok World Tower ที่สูงตระหง่านอยู่กลางเมืองกรุงเทพฯ ไอชายล์
เห็นภาพนี้จนชินตาจากคอนโดฯ ที่เขาอยู่ แต่วันนี้พี่ชายของเขาจะพาเขาเข้าไปดูภายในตึกนี้ ดูในส่วนที่เขาสนใจ
มานาน ห้องควบคุมหลักของตึก Bangkok World Tower

วันวาเลนไทน์เป็นวันที่เด็กหญิงอายุ 12 อย่างเรน่าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันนักหรอก รู้แค่ว่าหนุ่มสาวมักไปคลุก
ตัวอยู่ด้วยกันทั้งวัน แต่ช่างมันเถอะเพราะวันนี้คุณแม่จะพาเรน่าไปกินมื้อกลางวันที่สูงที่สุดบนตึก Bangkok World
Tower เรน่าจึงเฝ้ารอวาเลนไทน์ปีนี้อย่างมีความหวัง

งานของนายตำรวจอย่างคงศักดิ์มีแต่เรื่องราวที่คร่ำเครียด เพราะหน้าที่ของตำรวจคือป้องกันและแก้ไขปัญหาของสังคม
ไปตามตัวบทกฎหมายซึ่งก็ทวีเพิ่มขึ้นทุกวัน ความสุขอย่างเดียวของเขาคือรอยยิ้มของลูกชายตัวน้อย และในวันนี้ลูกชาย
ของเขายิ่งยิ้มร่ามาตั้งแต่เช้า เพราะจะได้ไปดูนิทรรศการสัตว์โลกที่สูญพันธุ์ที่ตึก Bangkok World Tower จนเขาเองถูก
เซ้าซี้ให้รีบพาไปส่งตั้งแต่ยังไม่ตื่น

ทั้ง 3 คนได้เห็นภาพเรื่องราวเมื่อ 5 ปีก่อนปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกับจะจับต้องได้ แต่พวกเขาในปีพ.ศ. 2570 นั้นกลับมา
ในปีพ.ศ. 2565 ก็ได้เพียงสถานะของวิญญาณที่ไม่มีมวล (จึงจะเดินทางได้เร็วกว่าแสงและข้ามผ่านกาลเวลาได้)
เพราะของสิ่งเดียวกันย่อมไม่อาจปรากฏขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกันได้

ความทรงจำแห่งปัจจุบันที่ได้เฝ้ามองอดีตจึงเป็นโอกาสดีแห่งการรำลึกย้อนเรื่องราวทั้งหมด เรียกคืนสิ่งที่สูญเสียไปเมื่อ
 5 ปีก่อนกลับมา เพื่อจะก้าวต่อไปในอนาคต

หลังจากพี่ชายพาไอชายล์ชมห้องควบคุมหลักของตึก Bangkok World Tower ไอชายล์ก็ต้องกลับไปเรียนต่อที่
มหาวิทยาลัย และได้นัดแนะกับพี่ชายเรื่องอาหารเย็นในวันนั้น ไอชายล์มุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข
นั่นคือเรื่องราวที่เขาจำได้ในอดีต แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือหลังจากนั้นพี่ชายของเขาเป็นอย่างไร

ลูกชายของคงศักดิ์โบกมือบ๊ายบายให้เขาด้วยรอยยิ้มร่าเริง คุณครูและเพื่อนๆ รออยู่ก่อนแล้ว เตรียมพร้อมสำหรับการ
เข้าชมนิทรรศการสัตว์โลกที่สูญพันธุ์ นั่นเป็นภาพสุดท้ายของลูกชายที่เขาจำได้ แต่สิ่งที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดคือ
ลูกของเขาต้องทรมานขนาดไหนภายใต้เหตุการณ์ตึกถล่ม ภายใต้ความมืดของซากตึกนั้น

เรน่านั่งดูวิวของกรุงเทพฯ ผ่านหน้าต่างของชั้น 123 ขณะนั่งทานอาหารแสนอร่อย ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังสนั่นหวั่นไหว
แม่ผวาเข้ามากอดปกป้องเรน่าด้วยร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ตัวเองป่วยเป็นเบาหวาน พี่ของไอชายล์เร่ง
อพยพผู้คนออกจากตึกอย่างรัดกุม ลูกชายของคงศักดิ์ร้องไห้จ้ากระจุกตัวอยู่กับกลุ่มเพื่อน

คนในชั้นที่พี่ของไอชายล์ดูแลถูกอพยพออกไปจนหมด แต่เขายังได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลอดออกมา
เขารีบตรงไปยังที่มาของเสียง ตึกทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว เขาพบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งติดอยู่ในซากตึก ถ้าเขาช่วยเขาอาจ
หนีออกไปไม่ทัน แต่ถ้าไม่ช่วยเด็กคนนั้นตายแน่ เขารีบงัดเด็กหนุ่มออกมาจากเสาที่ทับอยู่ และทุบกระจกเพื่อหย่อน
เด็กหนุ่มออกไปด้วยสายท่อดับเพลิง หวังว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์มาช่วยไว้ได้

พอเห็นเพื่อนๆ ร้องไห้กันหนักกว่าเดิมลูกชายของคงศักดิ์ก็หันมาปลอบใจพวกเพื่อนๆ บอกว่าพ่อของตนจะต้องมาช่วย
แน่ๆ เพราะคุณพ่อเป็นฮีโร่ผู้รักษาความยุติธรรม เด็กชายพูดด้วยดวงตาใสซื่อเปี่ยมความหวัง เสียงนั้นดังก้องใน
การจดจำของคงศักดิ์ผ้ได้แต่เฝ้ามองและพยายามโอบกอดลูกชายด้วยมือที่ไร้สัมผัสของร่างวิญญาณ

แม่ของเรน่ากอดลูกสาวที่หมดสติไว้ในอ้อมกอด ทั้งสองคนติดอยู่ในซากตึก ติดอยู่ในความมืดที่แทบไม่มีอากาศหายใจ
ร่างกายของแม่เรน่าเต็มไปด้วยบาดแผลถลอกจากการปกป้องลูกสาว สำหรับคนเป็นโรคเบาหวานโอกาสรอดย่อมน้อย
กว่าทางตาย หากต้องติดอยู่นานกว่านี้ อากาศก็น้อยเกินกว่าจะเพียงพอสำหรับสองคน แม่ของเรน่าหยุดคิดเพียงนิด
เดียวก่อนจะหยิบอินซูลินขึ้นมาฉีดให้ตัวเองเข็มแล้วเข็มเล่าจนค่อยๆ สิ้นสติไป แม้ลมหายใจจะหมดไปแล้วแต่ก็ยัง
ปกป้องลูกสาวไว้ด้วยอ้อมกอดที่ไร้วิญญาณนั้นต่อไป ด้วยหวังว่าลูกสาวจะมีอากาศหายใจได้นานขึ้นแม้สักนาที
น้ำตาที่ไร้น้ำหนักไหลออกมาจากสองตาของร่างวิญญาณเรน่าราวกับจะไม่มีวันหมดสิ้น

เฮลิคอปเตอร์มาช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นได้ทัน แต่สายเกินไปสำหรับพี่ของไอชายล์ รอยยิ้มที่มอบให้เด็กคนนั้น รอยยิ้มแห่ง
ความหวังของการมีชีวิตอยู่ แม้ตัวเราจะต้องจบลงในวันนี้แต่ก็มีอีกหลายชีวิตที่จะต้องก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง
เหล่าคนหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งไอชายล์น้องรัก ภาพของทั้งสองคนกอดคอกันด้วยรอยยิ้มที่เก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ถูก
พี่ของไอายล์เปิดขึ้นมาดูเป็นภาพสุดท้าย ร่างวิญญาณของไอชายล์แทบจะแบกรับความสะเทือนใจนั้นไว้ไม่ได้
เขาเข้าใจผิดมาตลอดสิ่งที่พี่ชายคาดหวังจากเขาไม่ใช่การกลับมาแต่ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

ทั้ง 3 คนตื่นขึ้นมาในห้องไอ.ซี.ยู. ของโรงพยาบาล ที่แก้มทั้งสองข้างนองไปด้วยน้ำตา  แน่นอนว่านี่คือปีพ.ศ. 2570
พวกเขาได้ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนด้วยร่างวิญญาณจริงหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ แต่สิ่งที่พวกเขาได้กลับมานั้นมีคุณค่า
มากพอที่จะให้พวกเขาเลือกเดินในเส้นทางที่จะก้าวพ้นจากโลกแห่งความทรงจำอันปวดร้าวเมื่อ 5 ปีก่อนได้แล้ว

จบ

3 ความคิดเห็น:

  1. เขียนไว้ตอนปี 2550 ครับ

    ตอบลบ
  2. คำตอบ
    1. ขอบคุณครับ ^^
      ไม่น่าเชื่อว่าเขียนไว้ 12 ปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ 55

      ลบ