วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

This is England


ดินแดนที่ไม่มีอยู่จริง

จัดจำหน่ายปี 2006 : ประเทศอังกฤษ

                นับเป็นเรื่องน่าแปลกใจทีเดียวที่ทฤษฎีทวีปเลื่อนที่ว่า เมื่อประมาณ 200 - 300 ล้านปีที่ผ่านมา แผ่นดินทั้งหมดในโลกรวมเป็นผืนเดียวกัน เรียกว่า แพงเจีย (Pangaea) เป็นแนวคิดที่เกิดจากชาวตะวันตก ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวความคิดแบบแยกส่วน (Reductionism)

                เพราะแนวความคิดที่ว่าโลกเคยเป็นแผ่นดินผืนใหญ่เพียงผืนเดียวก่อนที่จะแยกจากกันนั้น บ่งบอกชัดเจนว่าเราทุกคนและสิ่งมีชีวิตทุกผู้ ล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันดั่งเครือญาติมาก่อนเมื่ออดีตอันไกลโพ้น

                แต่ปัจจุบันมนุษย์เรากลับแบ่งแยกสิ่งต่างๆ ออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดินที่เรียกเป็นทวีปต่างๆ และแบ่งย่อยออกเป็นประเทศ เป็นเมือง เป็นชุมชน เป็นเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา ฯลฯ

                ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อแบ่งแยกหรือแย่งชิงดินแดนอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก อย่างใน This is England ก็เป็นเรื่องราวของผู้คนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่พยายามจะต่อสู้เพื่อทวงคืนดินแดนที่เรียกว่า อังกฤษ

                จากเรื่องราวของ ชอน เด็กชายวัย 12 ปี ที่สูญเสียพ่อไปในสงครามฟอล์คแลนด์ สงครามว่าด้วยการแย่งยึดหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนติน่า สงครามที่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ชอนก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่มันกลับทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อไปตลอดกาล เหลือไว้เพียงภาพทรงจำที่ไม่ชัดเจนนัก กับรูปถ่ายอีกไม่กี่ใบให้นึกถึง

                ที่สำคัญการสูญเสียพ่อนั้นยังส่งผลให้ชอนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว มักติดสบถและแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัวใคร จนมักมีเรื่องชกต่อยกันอยู่เสมอ แม้นั่นจะไม่ใช่หนทางที่เขาปรารถนาแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านี้

                ซึ่งจะว่าไปแล้วภาพยนตร์ก็ได้นำเสนอให้เห็นวิธีจัดการของชอนอยู่บ้าง นั่นคือเขามักไปหาพื้นที่โล่งเงียบๆ ริมทะเลในการใช้เวลาอยู่คนเดียวเพื่อผ่อนคลายจิตใจให้ได้พบกับความสงบ

                แต่นั่นก็คงไม่ใช่สิ่งที่ชอนต้องการที่สุด เพราะความจริงแล้วเขาก็ต้องการเพื่อนหรือใครสักคนที่คอยยิ้มและหัวเราะไปด้วยกันในวันเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน

                แล้ววันหนึ่งชอนก็ได้พบกลุ่มเพื่อนต่างวัยแต่หัวใจเดียวกัน มีความสุขสนุกสนาน หัวเราะเฮฮาในเรื่องเดียวกัน นี่จึงเป็นวันเวลาที่เขาได้หัวเราะเต็มเสียง เป็นวันเวลาที่เขาจะไม่ต้องเดียวดายอีกต่อไป

                เรื่องราวชีวิตของชอนก็น่าจะดำเนินไปด้วยดี ถ้าไม่มีตัวแปรอย่าง คอมโบ้ ชายหนุ่มวัย 32 ที่ก้าวเข้ามากลางกลุ่มและชักชวนให้ผู้คนร่วมต่อสู้เพื่อแผ่นดินอังกฤษ และการปลุกระดมของคอมโบ้ก็ไปกระทบกับปมเรื่องพ่อของชอนเข้าอย่างจัง

                พ่อผู้ผลีชีพเพื่อประเทศอังกฤษอันมีเกียรติ

                เพื่อให้พ่อได้ภาคภูมิใจเขาก็ควรต่อสู้เพื่ออุดมการณ์เดียวกัน แบ่งแยกทุกอย่างให้ชัดเจน คนอังกฤษเท่านั้นที่คู่ควรจะอยู่บนผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้

                แล้วสงครามเล็กๆ ก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของเด็กชายวัย 12

                หรือแท้ที่จริงแล้วสงครามล้วนมีอยู่ในตัวเราทุกคน ในซอกหลืบของจิตใจ ในความมืดของอารมณ์ รอเพียงวันที่เชื้อไฟได้ปะทุและระเบิดออกมา

                This is England ได้แสดงให้เห็นถึงคำตอบนั้น เมื่อในเย็นวันหนึ่งที่พวกเพื่อนๆ รวมทั้งชอน คอมโบ้ และ มิลค์กี้ เพื่อนผิวสีเพียงคนเดียว ได้มานั่งดูดเนื้อด้วยกันในห้องจนต่างก็เมากันได้ที่ คอมโบ้ผู้เพิ่งผิดหวังในความรักก็เริ่มปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้น ยิ่งเมื่อถูกเติมเชื้อด้วยความอิจฉาในความสมบูรณ์ของครอบครัวมิลค์กี้ ท้ายที่สุดลูกระเบิดแห่งอารมณ์ของคอมโบ้ก็ระเบิดออกอย่างไร้การควบคุม               

                พายุกำปั้นจำนวนมหาศาลได้กระหน่ำลงไปบนใบหน้าของมิลค์กี้ ซึ่งชอนก็ทำได้เพียงมองภาพจำลองของสงครามระหว่างมนุษย์เบื้องหน้าดำเนินต่อไปจนจบโดยไม่สามารถทำอะไรได้

                หยาดเลือดและคราบน้ำตาที่เจิ่งนองพื้นห้องนั้นไม่นานก็คงจางหาย แต่ความปวดร้าวของผู้สูญเสียนั้นคงยากจะลบเลือน และนั่นก็คือทั้งหมดที่สงครามได้ทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในรูปแบบใดๆ ก็ตาม มีเพียงผู้สูญเสียที่เหลือรอดมาเพื่อแบกรับความเจ็บช้ำวันแล้ววันเล่าเท่านั้น

                ในวันที่ชอนได้เห็นภาพจำลองของสงครามภายในห้อง ได้ทำให้เขาเรียนรู้ถึงความจริงที่ว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถจะชนะในสงครามได้ไม่ว่าจะเป็นผู้จากไปหรือผู้ที่เหลือรอด

                สิ่งสมมุติของความเป็นชาติจึงมิได้มีไว้ให้ผู้คนมาเข่นฆ่ากัน แต่มันเป็นสมมุติเพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันเพื่อให้ผู้คนห่างไกลได้เข้าใจกันมากขึ้น เข้าใจถึงความแตกต่างที่ไม่แตกแยก เข้าใจว่าเราล้วนมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งเดียวกัน จากผืนแผ่นดินเดียวกัน บนโลกใบเดียวกันใบนี้นั่นเอง 
 

1 ความคิดเห็น: