ดินแดนที่ไม่มีอยู่จริง
จัดจำหน่ายปี 2006 : ประเทศอังกฤษ
นับเป็นเรื่องน่าแปลกใจทีเดียวที่ทฤษฎีทวีปเลื่อนที่ว่า เมื่อประมาณ 200 -
300 ล้านปีที่ผ่านมา แผ่นดินทั้งหมดในโลกรวมเป็นผืนเดียวกัน
เรียกว่า “แพงเจีย” (Pangaea) เป็นแนวคิดที่เกิดจากชาวตะวันตก
ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวความคิดแบบแยกส่วน (Reductionism)
เพราะแนวความคิดที่ว่าโลกเคยเป็นแผ่นดินผืนใหญ่เพียงผืนเดียวก่อนที่จะแยกจากกันนั้น
บ่งบอกชัดเจนว่าเราทุกคนและสิ่งมีชีวิตทุกผู้
ล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันดั่งเครือญาติมาก่อนเมื่ออดีตอันไกลโพ้น
แต่ปัจจุบันมนุษย์เรากลับแบ่งแยกสิ่งต่างๆ
ออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดินที่เรียกเป็นทวีปต่างๆ
และแบ่งย่อยออกเป็นประเทศ เป็นเมือง เป็นชุมชน เป็นเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อแบ่งแยกหรือแย่งชิงดินแดนอยู่ในพื้นที่ต่างๆ
ทั่วโลก อย่างใน This
is England
ก็เป็นเรื่องราวของผู้คนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่พยายามจะต่อสู้เพื่อทวงคืนดินแดนที่เรียกว่า
“อังกฤษ”
จากเรื่องราวของ ชอน เด็กชายวัย
12 ปี ที่สูญเสียพ่อไปในสงครามฟอล์คแลนด์ สงครามว่าด้วยการแย่งยึดหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนติน่า
สงครามที่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ชอนก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร
แต่มันกลับทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อไปตลอดกาล เหลือไว้เพียงภาพทรงจำที่ไม่ชัดเจนนัก
กับรูปถ่ายอีกไม่กี่ใบให้นึกถึง
ที่สำคัญการสูญเสียพ่อนั้นยังส่งผลให้ชอนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว
มักติดสบถและแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัวใคร จนมักมีเรื่องชกต่อยกันอยู่เสมอ
แม้นั่นจะไม่ใช่หนทางที่เขาปรารถนาแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านี้
ซึ่งจะว่าไปแล้วภาพยนตร์ก็ได้นำเสนอให้เห็นวิธีจัดการของชอนอยู่บ้าง
นั่นคือเขามักไปหาพื้นที่โล่งเงียบๆ
ริมทะเลในการใช้เวลาอยู่คนเดียวเพื่อผ่อนคลายจิตใจให้ได้พบกับความสงบ
แต่นั่นก็คงไม่ใช่สิ่งที่ชอนต้องการที่สุด
เพราะความจริงแล้วเขาก็ต้องการเพื่อนหรือใครสักคนที่คอยยิ้มและหัวเราะไปด้วยกันในวันเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน
แล้ววันหนึ่งชอนก็ได้พบกลุ่มเพื่อนต่างวัยแต่หัวใจเดียวกัน
มีความสุขสนุกสนาน หัวเราะเฮฮาในเรื่องเดียวกัน นี่จึงเป็นวันเวลาที่เขาได้หัวเราะเต็มเสียง
เป็นวันเวลาที่เขาจะไม่ต้องเดียวดายอีกต่อไป
เรื่องราวชีวิตของชอนก็น่าจะดำเนินไปด้วยดี
ถ้าไม่มีตัวแปรอย่าง คอมโบ้ ชายหนุ่มวัย 32 ที่ก้าวเข้ามากลางกลุ่มและชักชวนให้ผู้คนร่วมต่อสู้เพื่อแผ่นดินอังกฤษ
และการปลุกระดมของคอมโบ้ก็ไปกระทบกับปมเรื่องพ่อของชอนเข้าอย่างจัง
พ่อผู้ผลีชีพเพื่อประเทศอังกฤษอันมีเกียรติ
เพื่อให้พ่อได้ภาคภูมิใจเขาก็ควรต่อสู้เพื่ออุดมการณ์เดียวกัน
แบ่งแยกทุกอย่างให้ชัดเจน คนอังกฤษเท่านั้นที่คู่ควรจะอยู่บนผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้
แล้วสงครามเล็กๆ
ก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของเด็กชายวัย 12
หรือแท้ที่จริงแล้วสงครามล้วนมีอยู่ในตัวเราทุกคน
ในซอกหลืบของจิตใจ ในความมืดของอารมณ์ รอเพียงวันที่เชื้อไฟได้ปะทุและระเบิดออกมา
This is England ได้แสดงให้เห็นถึงคำตอบนั้น
เมื่อในเย็นวันหนึ่งที่พวกเพื่อนๆ รวมทั้งชอน คอมโบ้ และ มิลค์กี้ เพื่อนผิวสีเพียงคนเดียว
ได้มานั่งดูดเนื้อด้วยกันในห้องจนต่างก็เมากันได้ที่
คอมโบ้ผู้เพิ่งผิดหวังในความรักก็เริ่มปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้น
ยิ่งเมื่อถูกเติมเชื้อด้วยความอิจฉาในความสมบูรณ์ของครอบครัวมิลค์กี้
ท้ายที่สุดลูกระเบิดแห่งอารมณ์ของคอมโบ้ก็ระเบิดออกอย่างไร้การควบคุม
พายุกำปั้นจำนวนมหาศาลได้กระหน่ำลงไปบนใบหน้าของมิลค์กี้
ซึ่งชอนก็ทำได้เพียงมองภาพจำลองของสงครามระหว่างมนุษย์เบื้องหน้าดำเนินต่อไปจนจบโดยไม่สามารถทำอะไรได้
หยาดเลือดและคราบน้ำตาที่เจิ่งนองพื้นห้องนั้นไม่นานก็คงจางหาย
แต่ความปวดร้าวของผู้สูญเสียนั้นคงยากจะลบเลือน
และนั่นก็คือทั้งหมดที่สงครามได้ทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในรูปแบบใดๆ ก็ตาม
มีเพียงผู้สูญเสียที่เหลือรอดมาเพื่อแบกรับความเจ็บช้ำวันแล้ววันเล่าเท่านั้น
ในวันที่ชอนได้เห็นภาพจำลองของสงครามภายในห้อง
ได้ทำให้เขาเรียนรู้ถึงความจริงที่ว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถจะชนะในสงครามได้ไม่ว่าจะเป็นผู้จากไปหรือผู้ที่เหลือรอด
สิ่งสมมุติของความเป็นชาติจึงมิได้มีไว้ให้ผู้คนมาเข่นฆ่ากัน
แต่มันเป็นสมมุติเพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันเพื่อให้ผู้คนห่างไกลได้เข้าใจกันมากขึ้น
เข้าใจถึงความแตกต่างที่ไม่แตกแยก เข้าใจว่าเราล้วนมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งเดียวกัน
จากผืนแผ่นดินเดียวกัน บนโลกใบเดียวกันใบนี้นั่นเอง
เขียนไว้ปี 2551 ครับ
ตอบลบ