วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

Roadster


 
เอี๊ยด...โครม

เฮ้ย! รถชนกันโว้ย

มีคนตายรึเปล่าวะ

เสียงผู้คนโวยวายกันลั่น คงไม่ค่อยได้เจอเหตุการณ์อย่างนี้บ่อยนัก

รถสปอร์ตเปิดประทุน หรือถ้าจะเรียกให้ฟังดูดีหน่อย ก็พวกรถโรสเตอร์ (roadster) สีเงินวาวใหม่เอี่ยม เจ้าของคงเพิ่งถอยออกมา แต่ดันเหยียบซะเกือบมิดทั้งที่วิ่งอยู่ในเมือง รถบรรทุกคันนั้นคงรำคาญเลยขับมาขวางเสียดื้อๆ โรสเตอร์คันกระจ้อยเลยต้องมุดตัวไปอยู่ข้างใต้รถบรรทุก เหมือนลูกโผเข้าไปซบอกแม่ จะว่าน่ารักก็น่ารักอยู่ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของความเป็นความตาย

แค่เวลาไม่ถึง 10 นาที ทั้ง อปพร.(หน่วยกู้ภัย) และตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ ผมมักจะนึกสงสัยอยู่เสมอเกี่ยวกับพวก อปพร. ดูพวกเขาจะกระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้อยู่ตลอดเวลา บางครั้งผมขับรถอยู่ดีๆ ก็ต้องตกอกตกใจกับความเร็วของรถ อปพร. พวกนี้ที่กำลังมุ่งไปสู่ที่เกิดเหตุ ดูราวกับว่าพวกเขาอยากจะให้เกิดอุบัติเหตุเสียเอง แต่ถึงอย่างไรพวก อปพร. ก็ถือเป็นกลุ่มบุคคลที่น่าชื่นชม เพราะงานที่พวกเขาทำเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะข้องเกี่ยวด้วยเท่าใด นับเป็นงานที่เสียสละเวลาและแรงกายเพื่อสังคม

ตำรวจเสียอีกที่ดูจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้ ไม่ยินดียินร้ายกับความตายของใคร พวกเขาคงจะสนุกกับการตั้งด่านตรวจรถบรรทุก หรือยาบ้า พวกนั้นมากกว่า

บริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุมีกลุ่มบุคคลที่ได้รับการเรียกขานกันมาช้านานว่า ไทยมุง กระจายตัวทำหน้าที่ของตัวเองอยู่โดยรอบ แต่ละกลุ่มก็มีทฤษฎีและทัศนะที่ใช้วิพากษ์แตกต่างกันไป เช่น กลุ่มที่ให้ความสนใจไปที่ความสูญเสีย ก็จะสามารถพูดถึงเรื่องรถชนกันและไปจบที่เหตุการณ์ตึก world trade ถล่มได้ หรือกลุ่มที่สนใจในด้านการสื่อสารมวลชนก็จะทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้ที่มาถึงล่าช้าได้รับฟังราวกับว่าเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุเสียเอง และยังมีกลุ่มที่คลั่งไคล้ในโลกของยานยนต์ก็จะถกกันถึงเรื่องสมรรถนะของรถแต่ละรุ่น ทั้งด้านความเร็วและความปลอดภัย

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในความงามของยานพาหนะชนิดนี้ โดยเฉพาะ mazda mx-5 คันที่มุดอยู่ใต้รถบรรทุกนี้แหละ ที่ผมชอบรถโรสเตอร์ก็เพราะมันเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็ก แต่ความแรงของเครื่องยนต์กลับสวนทางกับขนาดของมันเอง เรียกได้ว่าสามารถเร่งความเร็วได้ดังใจนึก เหมาะกับผู้ที่นิยมความเร็วแบบสายลมปะทะใบหน้า ซึ่งโดยทัศนะของผมแล้ว เมื่อขับรถสปอร์ตแบบนี้ก็ควรปฏิบัติตนให้สมกับที่ขับรถสปอร์ตอยู่ ถ้าซื้อมาแล้วขับแค่ 60-70 กม./ชม. ก็ไปขับรถเมล์ดีกว่า คันใหญ่กว่าด้วย

ก็คงเพราะความคิดอย่างนี้นั่นแหละ ผมถึงมีโอกาสได้ยืนดูพวก อปพร. งัดเอาศพของผมออกมาจากซากรถคันที่ผมชอบนักชอบหนา ซึ่งกลายเป็นเศษเหล็กที่ยับเยินอยู่ใต้รถบรรทุกไปเสียแล้ว แต่ก็ยังดีนะที่ผมขับมาคนเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น