“เอี๊ยด...โครม”
“เฮ้ย!
รถชนกันโว้ย”
“มีคนตายรึเปล่าวะ”
เสียงผู้คนโวยวายกันลั่น
คงไม่ค่อยได้เจอเหตุการณ์อย่างนี้บ่อยนัก
รถสปอร์ตเปิดประทุน
หรือถ้าจะเรียกให้ฟังดูดีหน่อย ก็พวกรถโรสเตอร์ (roadster)
สีเงินวาวใหม่เอี่ยม เจ้าของคงเพิ่งถอยออกมา
แต่ดันเหยียบซะเกือบมิดทั้งที่วิ่งอยู่ในเมือง
รถบรรทุกคันนั้นคงรำคาญเลยขับมาขวางเสียดื้อๆ
โรสเตอร์คันกระจ้อยเลยต้องมุดตัวไปอยู่ข้างใต้รถบรรทุก เหมือนลูกโผเข้าไปซบอกแม่
จะว่าน่ารักก็น่ารักอยู่ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของความเป็นความตาย
แค่เวลาไม่ถึง 10 นาที ทั้ง อปพร.(หน่วยกู้ภัย)
และตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ ผมมักจะนึกสงสัยอยู่เสมอเกี่ยวกับพวก อปพร.
ดูพวกเขาจะกระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้อยู่ตลอดเวลา บางครั้งผมขับรถอยู่ดีๆ
ก็ต้องตกอกตกใจกับความเร็วของรถ อปพร. พวกนี้ที่กำลังมุ่งไปสู่ที่เกิดเหตุ
ดูราวกับว่าพวกเขาอยากจะให้เกิดอุบัติเหตุเสียเอง แต่ถึงอย่างไรพวก อปพร.
ก็ถือเป็นกลุ่มบุคคลที่น่าชื่นชม
เพราะงานที่พวกเขาทำเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะข้องเกี่ยวด้วยเท่าใด
นับเป็นงานที่เสียสละเวลาและแรงกายเพื่อสังคม
ตำรวจเสียอีกที่ดูจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้
ไม่ยินดียินร้ายกับความตายของใคร พวกเขาคงจะสนุกกับการตั้งด่านตรวจรถบรรทุก
หรือยาบ้า พวกนั้นมากกว่า
บริเวณรอบๆ
ที่เกิดเหตุมีกลุ่มบุคคลที่ได้รับการเรียกขานกันมาช้านานว่า “ไทยมุง” กระจายตัวทำหน้าที่ของตัวเองอยู่โดยรอบ
แต่ละกลุ่มก็มีทฤษฎีและทัศนะที่ใช้วิพากษ์แตกต่างกันไป เช่น
กลุ่มที่ให้ความสนใจไปที่ความสูญเสีย
ก็จะสามารถพูดถึงเรื่องรถชนกันและไปจบที่เหตุการณ์ตึก world trade ถล่มได้
หรือกลุ่มที่สนใจในด้านการสื่อสารมวลชนก็จะทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้ที่มาถึงล่าช้าได้รับฟังราวกับว่าเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุเสียเอง
และยังมีกลุ่มที่คลั่งไคล้ในโลกของยานยนต์ก็จะถกกันถึงเรื่องสมรรถนะของรถแต่ละรุ่น
ทั้งด้านความเร็วและความปลอดภัย
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในความงามของยานพาหนะชนิดนี้
โดยเฉพาะ mazda
mx-5 คันที่มุดอยู่ใต้รถบรรทุกนี้แหละ
ที่ผมชอบรถโรสเตอร์ก็เพราะมันเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็ก
แต่ความแรงของเครื่องยนต์กลับสวนทางกับขนาดของมันเอง
เรียกได้ว่าสามารถเร่งความเร็วได้ดังใจนึก
เหมาะกับผู้ที่นิยมความเร็วแบบสายลมปะทะใบหน้า ซึ่งโดยทัศนะของผมแล้ว
เมื่อขับรถสปอร์ตแบบนี้ก็ควรปฏิบัติตนให้สมกับที่ขับรถสปอร์ตอยู่ ถ้าซื้อมาแล้วขับแค่
60-70 กม./ชม. ก็ไปขับรถเมล์ดีกว่า คันใหญ่กว่าด้วย
ก็คงเพราะความคิดอย่างนี้นั่นแหละ
ผมถึงมีโอกาสได้ยืนดูพวก อปพร. งัดเอาศพของผมออกมาจากซากรถคันที่ผมชอบนักชอบหนา
ซึ่งกลายเป็นเศษเหล็กที่ยับเยินอยู่ใต้รถบรรทุกไปเสียแล้ว แต่ก็ยังดีนะที่ผมขับมาคนเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น