วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

On The Road 5 วัน 4 คืน 1,589+154 กิโลเมตร (ลำปาง-อุดรธานี-เวียงจันทน์) Part 1

22-26.01.2015


วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม 2558

     ทริปนี้เราจะเดินทางไปต่างประเทศด้วยเส้นทางถนน ไม่ใช่ทางอากาศ และไม่ใช่ทางน้ำ ก็คือการขับรถไปนั่นเอง (แล้วค่อยไปต่อรถทัวร์ข้ามแดนเอา)
     วันนี้เราจึงต้องขับรถไปให้ถึงจังหวัดอุดรธานี อันเป็นเป้าหมายแรกของเรา เพราะพ่อผมมีเพื่อนเก่าสมัยวัยรุ่นอยู่ที่นั่น (เป็นเหตุผลให้เรานอนที่ จ.อุดรฯ ไม่ใช่ จ.หนองคาย) ผู้ใหญ่เค้าจะได้ไปรำลึกความหลังกัน แล้ววันรุ่งขึ้นเราจะนั่งรถทัวร์ข้ามประเทศไป "เวียงจันทน์"

     ตี 5 เป็นเวลาออกเดินทางเช่นเคย ออกไปตั้งแต่ฟ้ามืด ใช้เส้นทาง จ.ลำปาง-อ.เด่นชัย-จ.อุตรดิตถ์-อ.ทองแสนขัน-อ.ชาติตระการ-อ.นครไทย (แวะปั้มปตท. ซื้อข้าวกล่องที่ 7-11 แล้วมาแวะกินที่แขวงการทาง ได้บรรยากาศการกินอาหารเช้าไปอีกแบบ) -อ.ด่านซ้าย-อ.ภูเรือ

Kitty Resort ที่เป็นประเด็นในอินเทอร์เน็ต

เก็บค่าเข้าไปเดินชมคนละ 20 บาท

     ผมแวะดูด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เลยกลายเป็นว่ามาซื้ออัลมอนด์ที่ด้านหน้ารีสอร์ทแทน คนขายบอกว่าปลูกที่ ชาโต้ เดอ เลย ...สดอร่อยมากๆ ราคาไม่แพง นอกจากนั้นคนขายยังให้ชิม "บัวหิมะ" รสชาติคล้ายๆ มันแกว กิโลละ 40 บาท...กินแล้วอดคิดถึงจอมยุทธ์ในอดีตไม่ได้ พวกท่านไม่น่าต้องดั้นด้นขึ้นเขาไปไกลลำบากถึงเพียงนั้นเลย ในวันนี้มันมีขายเพียงกิโลละ 40 บาทเท่านั้นเอง หากพวกท่านเกิดช้าเพียงไม่กี่ร้อยปี บัวหิมะเหล่านี้คงใช้รักษาอาการบาดเจ็บของคนที่ท่านรักได้ น่าเสียดายๆ...
     จากนั้นเราก็แวะเข้าไปกินอาหารกลางวันที่ จังหวัดเลย (แต่เราเข้าไปพอดีนะครับ ไม่เลย) เป็นร้านอาหารตามสั่ง ได้เยอะ อร่อย ราคาถูก เยี่ยมจริงๆ ...เติมพลังกันเรียบร้อยก็เดินทางต่อไปตามเส้นทาง อ.วังสะพุง-จ.หนองบัวลำภู แล้วก็มาถึงจังหวัดอุดรธานี ในที่สุด
     สิ่งแรกที่เราทำคือแวะเข้าไปที่ท่ารถบขส. เพื่อเช็ครอบรถทัวร์ที่จะข้ามไปเวียงจันทน์

มีทั้งอุดรธานีไปวังเวียงและเวียงจันทน์
     ดูเวลาแล้วก็คิดว่าจะไปรอบ 10.30 น. เพราะไม่เช้าเกินไป เมื่อรู้เวลาที่จะเดินทางในวันพรุ่งนี้แล้วก็สบายใจไปหนึ่งเรื่อง ต่อไปก็เข้าที่พักไปเก็บของก่อน

ที่พักสำหรับเราในอุดรฯ เพื่อนพ่อเป็นคนจองให้
     เอาของเข้าที่พักแล้วก็อาบน้ำให้สบายตัว จากนั้นพ่อผมก็นัดกินข้าวเย็นกับเพื่อนเก่าสมัยที่พ่อทำงานอยู่อุดรธานี เสร็จแล้วก็กลับมานอนหลับ เตรียมเดินทางไปเวียงจันทน์ในวันพรุ่งนี้

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2558

     ตื่นกันตั้งแต่ 7 โมง จัดเสื้อผ้าสำหรับไปนอนเวียงจันทน์ 1 คืน แล้วเราก็เดินออกมานั่งรถสกายแลป (รถยนต์ส่วนตัวฝากไว้ที่โรงแรม 1 คืน) จากหน้าโรงแรมเพื่อไปสถานีขนส่ง (คนละ 20 บาท) แต่บอกให้พี่เค้าแวะร้านอาหารให้เราก่อน จะได้กินมื้อเช้าก่อนเดินทาง 

กินที่ร้านยิ่งอุดม ไข่กระทะกับขนมปัง และโอวัลติน
      กินเสร็จเราก็เดินเท้าไปที่สถานีขนส่ง อีกไม่ไกลครับ พอเดินมาถึงท่ารถ ดูเวลาแล้วยังไม่ 9.00 น. เลยตัดสินใจว่าจะไปรถทัวร์เที่ยว 9.00 น. จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ

สงสัยจะเช้าอยู่เลยไม่ค่อยมีคน

รถสกายแลปยอดฮิตของอุดรธานี

     สอบถามได้ความว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง คือไปถึงเวียงจันทน์ตอน 11.00 น. โดยประมาณ จะได้ไปกินข้าวกลางวันที่นั่นพอดี

ออกเดินทาง
คนที่มี Passport เค้าจะแจกกระดาษนี้ให้เขียนไว้ผ่านแดน

     รถทัวร์จาก จ.อุดรธานีจะวิ่งผ่าน จ.หนองคาย แล้วไปข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จริงๆ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน แต่เสียเวลาตอนทำบัตรผ่านแดนนี่แหละครับ ต่อแถวกันนาน

คนข้ามไปเยอะเหมือนกัน

จะขับรถส่วนตัวข้ามไปก็ได้

รถทัวร์จะขับข้ามมารอเรา โดยเราต้องลงมายื่นเอกสารและเสียค่าธรรมเนียมเอง

     เสียค่าธรรมเนียมผ่านแดนเรียบร้อยก็ขึ้นรถข้ามสะพานไปฝั่งลาว

ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

แม่น้ำโขงน้ำเยอะเลย

ถึงจุดผ่านแดนฝั่งลาว

เป็นภาษาลาวหมดแล้ว บางคำก็พอเดาได้อยู่

ไม่รู้เป็นสำนักงานอะไรบ้าง อ่านไม่ออกเลย

มีจุดให้แลกเงินกีบ

คงเป็นภาพบุคคลสำคัญของลาว

น่าจะผ่านค่ายทหาร เห็นมีป้ายแบบนี้หลายอัน
ลาววิ่งชิดขวา

ถึงสถานีขนส่งที่เวียงจันทน์แล้ว

ที่ป้ายไม่รู้บอกรายละเอียดอะไรบ้าง

เดินเข้ามาในห้างฯ ตรงข้ามกับสถานีขนส่ง 

เจอที่แลกเงินพอดี

เงินไทย 1,000 บาท ได้เงินกีบ 124,625 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนแล้วแต่วัน)


ภายในห้างฯ


หาที่กินข้าวกลางวัน ...เห็นสาวลาวนุ่งผ้าพื้นถิ่นด้วย น่าจะเป็นชุดทำงาน

กิน เฝอลาว อร่อยดี 

     ตอนที่เราจะเดินออกมาจากสถานีขนส่ง จะเจอคนขับรถสกายแลปเข้ามาหาลูกค้า ซึ่งจะคิดราคาแพงกว่าทั่วไปประมาณเท่าตัว เราต้องเลี่ยงออกมาให้ได้นะครับ เพื่อความปลอดภัย พอข้ามมาทางฝั่งห้างฯ แล้วเรียกรถสกายแลปที่นี่ก็จะได้ราคาปกติ ตกลงกันเอาเองตามความพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายเลยครับ ของผมพาไปหาโรงแรมและเที่ยวตามจุดสำคัญ 4 จุด ในครึ่งวันคิด 400 บาท ใช้เงินบาทจ่ายได้เลยครับ แต่ถ้าเป็นสินค้าอื่นๆ จ่ายด้วยเงินบาทจะขาดทุนนิดหน่อย (เค้าคิด 200 กีบต่อ 1 บาท) แลกเป็นเงินกีบดีกว่า
     พี่คนขับชื่อ "พี่ทอง" ว่าแล้วก็ให้พี่ทองพาไปหาที่พักได้เลย

พี่ทองของเฮา

เราเพิ่งออกมาจากห้างฯ ที่มีป้ายซัมซุงนั่นแหละ

ได้แล้วที่พักในเวียงจันทน์
     เราเลือกที่พักที่ใกล้กับริมโขง เพื่อจะได้เดินเท้าเที่ยวในตอนเย็นๆ ก็มาได้ที่พักเป็น Guest House มีราคาตั้งแต่ 50,000 กีบ ถึง 80,000 กีบ สภาพพอใช้ได้ ...พอเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยก็ได้เวลาออกไปเที่ยวเวียงจันทน์กัน
     พี่ทองพามาเริ่มที่ "พระธาตุหลวง" เป็นปูชนียสถานอันสำคัญของเวียงจันทน์ และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของที่นี่เลยครับ มีรูปทั้งในปฏิทินและทำเป็นของที่ระลึกให้เห็นได้ทั่วไป

อนุสาวรีย์ "พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช" ผู้สร้างพระธาตุหลวง

ลานข้างหน้ากว้างดี

ซุ้มประตูทางเข้า

บริเวณฐานพระธาตุ

     จากนั้นเราก็ขึ้นรถพี่ทอง ไปยังสถานที่ต่อไป ...สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจมากในเวียงจันทน์คือ มีรถยนต์ฮุนได เยอะมาก โดยเฉพาะรุ่น Elantra ซึ่งในไทยถือว่าราคาสูงพอตัว แต่ที่นี่เจอเยอะเหมือนโตโยต้า ฮอนด้า บ้านเราเลย (มาได้คำตอบหลังจากคุยกับชาวลาวตอนขากลับ)

สำนักงานฮุนได ใหญ่เชียว

     จุดที่สองที่พี่ทองพาเรามาคือ "ประตูไซ" หรือ "ประตูชัยลาว" ใหญ่โตสวยงาม เห็นเด่นชัดแต่ไกล



เป็นสัญลักษณ์ชัยชนะที่หลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส 

ลวดลายสวยงาม ผสมผสานทั้งตะวันตกและตะวันออก

มีนักท่องเที่ยวไม่ขาดสาย

เดินขึ้นมาด้านบน (ข้างในประตูไซ)

ข้างในมีร้านขายของที่ระลึก ประมาณ 2-3 ชั้น
ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด (ดาดฟ้า) ภายในยังขายของที่ระลึกเช่นกัน

จะสามารถมองเห็นวิวทั้ง 4 ด้าน

ด้านนี้รถเยอะ

วิวด้านหลัง

วิวด้านหน้า

มุมมองจากจุดที่เดินลงมา

วนรอบประตูไซ แล้วก็มีรถฮุนไดเป็นหลักฐานว่าเยอะจริงๆ

     เสร็จแล้วเราก็ขึ้นรถสกายแลปไปยังสถานที่ต่อไปกันเลย พี่ทองพาขับผ่าน "ทาดดำ" หรือ "พระธาตุดำ" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องลาวจากชาติที่มารุกราน

   
พระธาตุดำ

มาจอดส่งเราแถวๆ หน้า "ทำเนียบประธานประเทศ"

เพื่อให้เรามาเที่ยวที่นี่ "วัดศรีษะเกษ"

ซุ้มประตูทางเข้า

อันนี้อยู่ข้างซ้าย ก่อนเข้าไปข้างในครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นหอไตรรึเปล่า

ในข้อมูลบอกว่าวิหารใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมไทย

มีระเบียงรอบ

ภายในระเบียงประดิษฐานพระพุทธรูป

มีองค์พระทุกช่อง

ข้ามมาอีกฝั่งก็เป็น "หอพระแก้ว" แล้วครับ

องค์พระแก้วมรกต เคยประดิษฐานอยู่ที่นี่ก่อนจะมากรุงเทพฯ

ข้อมูลบอกว่าบูรณะขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมด

สวนด้านหน้า

ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ "ห้ามถ่ายรูป"

โครงสร้างรอบๆ

     เสร็จจากการเที่ยวชมสถานทีสำคัญหลักของเวียงจันทน์แล้ว พี่ทองก็พาเรากลับที่พัก อาบน้ำนอน...เอ่อ หลับแป๊ปเดียว จะได้มีแรงเดินเที่ยว "ริมโขง" คืนนี้

หิวแล้วออกมาหาอะไรกิน เดินผ่านโรงหนัง (ไม่ได้ใช้งานแล้ว)

มากินแซนวิชลาว เป็นขนมปังแบบฝรั่งเศส ส่วนหมูยอมาจากเวียดนาม

หมูยออร่อยมาก หั่นกิน 3 คนยังอิ่มเลย เยอะจริงๆ

เดินมาถึงริมโขง (มีรูปรถฮุนไดเป็นหลักฐานว่าเห็นเยอะจริงๆ)

ด้านหลังกำลังตั้งร้าน "ถนนคนเดิน" มีทุกวัน

มานั่งดูอาทิตย์ตกริมฝั่งโขง

สาวลาวที่ปั่นจักรยาน บริการตัดเล็บให้นักท่องเที่ยว

แม่น้ำโขง

เกือบๆ ทุ่ม ร้านค้าก็ตั้งกันจนเต็ม สินค้าเป็นกระเป๋า เสื้อผ้าทั่วไป มีของพื้นถิ่นบ้าง

เดิน "ถนนคนเดิน" เสร็จ ก็แวะกินข้าวหมูแดงก่อนกลับที่พัก

     เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางในเวียงจันทน์สำหรับวันนี้ เหนื่อยล้ากันพอสมควร จากการนั่งรถทัวร์ แล้วตะลอนเดินเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ ...ว่าแล้วก็กลับไปนอนดีกว่า...พรุ่งนี้ยังต้องเดินอีกไกล

...อ่านต่อ Part 2 >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น