10-12.12.2016
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2559
ทริปนี้ผมตั้งใจจะไปชมมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย 2 แห่งคือ
1. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (ศรีสัชนาลัย กับ กำแพงเพชร)
2. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
มรดกโลกในประเทศไทยมีทั้งหมด 5 แห่ง เป็นทางวัฒนธรรม 3 แห่ง อีกแห่งคือ "แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง" (จ.อุดรธานี)
ส่วนอีก 2 แห่งที่เหลือเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ คือ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง" อยู่ทางฝั่งตะวันตก และ "ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่" อยู่ทางฝั่งตะวันออก
การที่ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 5 แห่งนั้นผมว่าไม่ธรรมดา ในฐานะที่เป็นคนไทย เกิดและเติบโตในเมืองไทย ถ้ามีโอกาส น่าจะไปเยือนให้ครบทั้ง 5 แห่ง
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นี่ผมเคยไปถ่ายสารคดีเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ส่วนมรดกโลกทางธรรมชาติทั้ง 2 แห่ง ผมได้ไปบ่อยตอนทำสารคดีธรรมชาติเมื่อหลายปีก่อน
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ก็เคยไปเที่ยวแล้ว มีแต่ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร นี่แหละที่ผมจำไม่ได้ว่าเคยไปหรือเปล่า
เมื่อตัดสินใจขับรถยนต์ไปเอง ก็คิดว่าน่าจะไปให้ถึง จ.พระนครศรีอยุธยา จะได้เที่ยวให้ครบทั้ง 2 ที่เลย
ด้วยความที่ผมไม่รู้ว่า เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร มีรายละเอียดอย่างไร ผมเลยคิดว่าคงใช้เวลาเที่ยวไม่นาน วันนี้วันเดียวก็น่าจะเที่ยวหมด คืนนี้เลยกะจะไปนอนที่ จ.นครสวรรค์ พรุ่งนี้จะได้ไป จ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้ๆ ...แต่พอไปจริงๆ กลับไม่เป็นอย่างนั้น
จาก จ.ลำปาง ผมขับมาทาง อ.วังชิ้น เพื่อจะไป อ.ศรีสัชนาลัย หนึ่งในเมืองบริวารของสุโขทัย (รูปถ่ายในบทความนี้ถ่ายด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือทั้งหมด)
|
แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย |
ด้วยความไม่รู้ว่าต้องเริ่มเที่ยวตรงจุดไหน ผมเลยนั่งรถที่เค้าให้บริการอยู่ภายในอุทยานฯ คนละ 20 บาท (ช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2560 อุทยานที่ผมไปในทริปนี้ เข้าฟรีไม่เสียเงิน เสียแต่ค่ารถ ถ้าเราขับเข้าไป) มีคนลุงท่านนึงเป็นคนขับรถ ซึ่งแกจะบรรยายประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ให้ฟัง แต่รถที่ให้บริการจะวนแค่รอบเล็กๆ และจอดให้นักท่องเที่ยวลงชม "วัดช้างล้อม" กับ "วัดเจดีย์เจ็ดแถว"
|
"วัดช้างล้อม" |
|
ด้านหน้าเป็นวิหาร เหลือแต่เสา |
|
เจดีย์อยู่ด้านหลัง |
|
จะมีช้างล้อมรอบอยู่ที่ฐาน 39 เชือก |
|
นักท่องเที่ยวเดินนับช้าง ถ้านับได้ถูกต้อง เค้าว่าจะโชคดี |
|
นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เจอยังคงแต่งดำไว้ทุกข์ รวมไปถึงชาวต่างชาติหลายๆ คน น่าชื่นชม |
|
มุมมองจากระเบียงรอบเจดีย์ (เหนือช้าง) มองกลับไปทางถนน |
ปกติถ้าไปเที่ยวชมโบราณสถานแบบนี้ ผมจะไม่กล้าขึ้นไปเดิน เพราะกลัวจะสร้างความเสียหายให้โบราณสถาน แต่ที่นี่เจ้าหน้าที่เค้าให้ขึ้นได้ คงจะทดสอบแล้วว่าโครงสร้างยังแข็งแรงดีอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมากว่า 700 ปีแล้ว สุดยอดจริงๆ
อีกฝั่งของถนนจะเป็นวัดเจดีย์เจ็ดแถว อันนี้ผมไม่ได้ดูละเอียด เพราะนักท่องเที่ยวท่านอื่นที่นั่งรถมาด้วยกัน กลับขึ้นรถไปหมดแล้ว ผมกับแฟนเลยรีบวิ่งกลับไปที่รถ... เกรงใจเค้า
|
"วัดเจดีย์เจ็ดแถว" |
ผมนั่งครบรอบแล้วรู้สึกว่าไม่หนำใจ เลยออกมากินข้าวกลางวันก่อน แล้วเช่าจักรยานปั่นให้ทั่วอีกที ค่าเช่าจักรยานคันละ 20 บาท
ตั้งใจจะปั่นให้ทั่วแนวคูเมืองด้านในทั้งหมด ผมปั่นไปจนถึงวัดเขาสุวรรณคีรี (ทางทิศเหนือ) ก่อนจะถึงวัดเป็นเนินค่อนข้างชัน ต้องลงเข็นจักรยานขึ้นไป และมีขี้นกเยอะมากกก
จนมาถึงวัดกุฏีราย ซึ่งอยู่นอกกำแพงเมืองชั้นใน (มีทางกั้นเตี้ยๆ ผมเลยยกจักรยานข้ามมา แหะๆ)
|
"วัดกุฏีราย" ด้านขวาของภาพเป็นถนนที่ใช้กันทั่วไป และวิ่งไปชมเตาทุเรียงได้ทางนี้ |
เริ่มกลัวว่าจะไกลเกิน เลยปั่นกลับมาแวะที่วัดนางพญา (ทางทิศใต้)
|
ภายในวัดนางพญา ด้านหน้าเป็นวิหารเหลือเพียงแค่เสา |
|
ลวดลายที่ยังเหลืออยู่ งดงามมากๆ |
|
เจดีย์วัดนางพญา |
|
ด้านหลังเป็น "วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่" |
|
เดินมาตามทาง |
|
เจดีย์เหลือแค่ช่วงฐาน |
|
ถัดไปด้านหลังเป็น "วัดเจดีย์เจ็ดแถว" |
ผมเองไม่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ แต่ดูแล้วก็สงสัยว่าวัดอยู่ติดกันขนาดนี้จะทำแนวกำแพงกั้นไว้ทำไม ทำไมไม่รวมเป็นวัดเดียวกันไปเลย พื้นที่แต่ละวัดก็ไม่กว้างนัก เห็นแล้วก็อยากรู้วิถีชีวิตคนสมัยนั้น
|
"วัดเจดีย์เจ็ดแถว" |
|
วิหารค่อนข้างใหญ่ |
|
เจดีย์รายรอบๆ |
|
เจดีย์ประธาน |
ดูแล้วก็เพลิน ผมค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ดู แล้วก็นึกถึงวิถีชีวิตผู้คนในสมัยนั้น ว่าเค้าใช้พื้นที่นี้อย่างไร ทำไมถึงสร้างเป็นผังแบบนี้ ขนาดเท่านี้ ตัววิหารที่เหลือเพียงแค่เสานั้น ผมเดาว่าส่วนหลังคาพวกแป จันทัน ฯลฯ น่าจะใช้ไม้ในการก่อสร้าง จึงพังหมดแล้ว
ที่ผมได้ไปชมเป็นเพียงแค่บางส่วนของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ซึ่งกว้างมาก และยังมีโบราณสถานอีกหลายจุดให้เที่ยว แต่วันนี้ผมยังต้องไปอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยอีก และตอนนี้ก็บ่ายสามโมงกว่าๆ แล้ว...เลยได้เวลาต้องเดินทางต่อ
ก่อนจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ผมขอแวะไปชม "เตาทุเรียงบ้านเกาะน้อย" อีกหนึ่งจุด (จริงๆ จะแวะ "เตาทุเรียงบ้านป่ายาง" แต่ขับเลยมา)
|
เตาทุเรียงบ้านเกาะน้อย |
|
ตัวอาคารทำครอบไว้ 2 เตา อันนี้เป็นอีกเตาหนึ่ง |
|
เตามีขนาดใหญ่มาก |
|
จัดแสดงตัวอย่างและคำอธิบายไว้ตามผนังโดยรอบอาคาร |
คุ้มค่ากับการแวะมาดูจริงๆ เพราะถ้าไม่ได้มาเห็นเอง ก็ไม่คิดว่าเตาเผาถ้วยชามสังคโลกจะใหญ่ขนาดนี้ เกินคาดมากๆ บริเวณผนังจะมีคำอธิบายการทำโดยละเอียดให้อ่านทำความเข้าใจควบคู่กันไป
ที่ลำปางมีเตาเผาโบราณ เรียกว่า "เตามังกร" ผมเคยไปถ่ายสารคดีเมื่อนานมาแล้ว อันนั้นก็ว่าใหญ่แล้ว (ปัจจุบันเตามังกรอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี จ.ลำปาง เปิดให้ชมพร้อมสาทิตการทำชามตราไก่ น่าแวะไปชมกันครับ) มาเจอที่นี่ใหญ่กว่าเยอะเลย
ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้คนสมัยก่อนมีความสามารถสูงจริงๆ ทั้งการวางผังเมือง การก่อสร้างต่างๆ น่าชื่นชมมากๆ
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาทำให้ผมต้องรีบเดินทางต่อไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ผมไปถึงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยประมาณ 17.00 น. สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าอุทยานฯ ปิด 21.00 น. เลยเช่าจักรยานปั่นรอบๆ แต่จักรยานต้องเอามาคืนตอน 18.00 น. เวลาที่เหลือเราก็ค่อยเดินเท้ากันเองละกัน
ผมเริ่มปั่นไปทาง "วัดศรีสวาย" ก่อน เพราะคิดว่าจะปั่นดูคร่าวๆ หนึ่งรอบ แล้วกลับมาเดินที่ "วัดมหาธาตุ"
|
"วัดศรีสวาย" |
|
พระปรางค์ มี 3 ยอด |
รูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดศรีสวาย น่าจะเป็นแบบ "ขอม" จากหลักฐานที่เจอเค้าสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วค่อยแปลงเป็นพุทธสถานในภายหลัง
จากนั้นผมก็ปั่นไปเรื่อยๆ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป
จนถึงเวลา 18.00 น. ผมก็เอาจักรยานไปคืน แล้วเดินเที่ยวต่อ พอดีในคืนที่ผมไปเค้าจัดงาน "25 ปี มรดกโลก เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร" เลยได้เที่ยวชมแสงสีที่เค้าจัดแสดงไว้ตามโบราณสถาน
|
พิธีเปิดงาน |
|
"วัดมหาธาตุ" |
|
สีสันหลากหลาย |
ถ่ายภาพตอนกลางคืนนี่เห็นข้อจำกัดของกล้องจากโทรศัพท์มือถือเลย อย่างนึงอาจเป็นเพราะผมใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าแล้ว ถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆ คงดีขึ้น แต่ด้วยขนาดเซนเซอร์รับภาพเองก็เป็นข้อจำกัดอย่างนึง ขนาดเล็กเลยมีพื้นที่รับแสงน้อย
เรื่องกล้องสำหรับการท่องเที่ยวนี่ ผมคิดว่ากล้องแบบ Mirrorless น่าจะตอบโจทย์ที่สุด ด้วยขนาดตัวที่เล็ก แต่เซนเซอร์ขนาดใหญ่ คือพกพาสะดวก ให้คุณภาพของภาพสูง...แต่ผมยังไม่มีกล้องแบบนี้ใช้นี่สิ ไว้มีโอกาสจะหามาลองสักตัว
ภายในงาน "25 ปี มรดกโลก เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร" เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2559 ถึง 3 มกราคม 2560 เวลา 18.00 ถึง 21.00 น. ณ บริเวณวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีการจัดแสดงนิทรรศการ และขายอาหารไทยพื้นบ้าน (วันเสาร์-อาทิตย์-วันหยุด) ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกัน ผมเองก็ได้ทานข้าวเย็นกันที่นี่แหละ
หลังจากนั้นผมก็ออกมาหาที่พัก ซึ่งไม่ได้เตรียมข้อมูลมา เพราะทีแรกจะไปนอนที่ จ.นครสวรรค์ เป็นโรงแรมที่เคยไปนอน 2-3 ครั้งแล้ว อาหารอร่อยด้วย...แต่คืนนี้ต้องสุ่มหาเอง
ขับรถออกมาจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยไม่ไกล มีที่พักหลายๆ แบบให้เลือก ผมได้ที่พักแถวๆ นั้น เพราะตั้งใจว่าตอนเช้าจะไปหาของกินที่ตลาดข้าง "วัดตระพังทอง"
เอาของเข้าที่พักแล้วก็ขับรถไปเที่ยวในตัวเมืองสุโขทัยหน่อย ขับไปแบบไม่มีข้อมูล ตั้งใจว่าแค่มีที่นั่งกินอะไรสักหน่อยก็โอเคละ แต่สงสัยวันนี้ผมจะโชคดีเรื่องของกิน คือไปเจอถนนคนเดินแถวๆ สวนสาธารณะเมืองสุโขทัย เสียแต่ว่าผมไปดึกแล้ว ร้านค้าต่างๆ เริ่มทยอยเก็บของกันไปบ้าง คะเนจากที่มองเห็นด้วยสายตา ถนนคนเดินที่สุโขทัยนี่ยาวมาก
ผมเดินไปไม่ถึงร้อยเมตรก็เดินกลับละ ขับรถมาทั้งวันอยากไปนอนแล้ว แต่ก็ได้ขนมอร่อยมากมา 2 อย่าง คือ "ข้าวควบ" กับ "หมี่กรอบ" อร่อยกว่าที่ผมเคยกินมา (เขียนไปนี่ยังอยากกินอยู่เลย)
วันนี้หมดพลังงานแล้ว คงต้องขอกลับไปนอนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยวางแผนใหม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น