แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมูป่า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมูป่า แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หมูป่าเศร้าสร้อย

 หมูป่าสาวยืนมองเงาในน้ำนึกถึงการสูญเสียที่ผ่านมา

...

มันเพิ่งสูญเสียลูกชายจากการโดนเสือโคร่งจับกิน

ในวันนั้นมันตกใจที่เห็นเสือโคร่ง จึงวิ่งหนีมากับฝูงหมูป่าตามสัญชาตญาณ

ด้วยความที่ลูกชายของมันเป็นหมูป่าที่วิ่งเร็วที่สุดในฝูง มันจึงเชื่อว่าลูกชายของมันต้องหนีเสือโคร่งตัวนั้นได้แน่นอน

แต่ไม่ใช่ ลูกชายของมันพลาดท่าถูกเสือโคร่งจับกินเป็นอาหาร

หมูป่าสาวเสียใจและจมอยู่กับความทุกข์จนออกมาจากฝูง และเดินอย่างไร้จุดหมายไปในป่า

จนได้เจอกวางแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังกินน้ำอยู่

หมูป่าสาวเดินเข้าไปกินน้ำใกล้ๆ แล้วก็ยืนมองกวางแม่ลูก

แม่กวางจึงเดินเข้ามาหาและถามด้วยความสงสัย

"ทำไมถึงมองพวกเราอย่างนั้นล่ะ

"เมื่อก่อนชั้นก็เคยมีลูกเหมือนอย่างเธอ" หมูป่าสาวตอบ

"แล้วลูกเธอไปไหนแล้วละ" แม่กวางถาม

"ถูกเสือโคร่งจับกินไปแล้ว" หมูป่าตอบ

"เสียใจด้วยนะ" แม่กวางตอบ ก่อนจะพูดต่อว่า

"เมื่อก่อนลูกชั้นก็เคยถูกเสือโคร่งจับกิน"

หมูป่าสาวมองกวางแม่ลูกด้วยความประหลาดใจ แล้วคิดในใจว่า

"แล้วที่ชั้นเห็นลูกสาวเธอยืนข้าง ๆ นั่นเป็นวิญญาณเหรอ" แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

สักพักแม่กวางก็พูดต่อมาอีกว่า

"ตอนนั้นชั้นเสียใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ 

เพราะเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในฝูงกวางของชั้นต่างก็เคยสูญเสียลูก

มีทั้งที่ถูกจับกินโดยเสือโคร่ง และหมาใน บางตัวก็ตายด้วยโรคร้าย

ไม่มีแม่กวางตัวไหนที่ไม่เคยสูญเสียลูก"

หมูป่าสาวยังมองไปที่ลูกกวางด้วยความสงสัย

จนกระทั่งแม่กวางบอกว่า

"แม้ว่าจะเสียใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปชั้นก็มีลูกอีกครั้ง และอีกครั้ง 

หลังจากนั้นชั้นก็มีลูกอีกหลายรุ่น และต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวของตัวเอง

ส่วนลูกสาวตัวนี้ น่าจะเป็นตัวสุดท้ายของชั้นแล้วล่ะ

เพราะตอนนี้ชั้นแก่มากแล้ว"

หมูป่าสาวโล่งใจ แต่ก็ยังเสียใจอยู่

"ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกนะ ที่เคยสูญเสียลูก

สัตว์ทุกตัวในป่าต่างก็เคยสูญเสียลูกหรือสมาชิกในครอบครัวทั้งนั้นแหละ"

แม่กวางพูดปลอบใจ และเดินเข้ามาใกล้ ๆ

"ขอให้เธอเข้มแข็งและอยู่ต่อไปนะ

เธอยังสาวน่าจะมีลูกได้อีกหลายรุ่นเลยล่ะ"

แม่กวางพูดจบก็พาลูกสาวเดินจากไป

ลูกกวางหันมายิ้มให้หมูป่าสาวเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตามแม่กวางไป

หมูป่าสาวยืนมองกวางแม่ลูกเดินจากไปด้วยหัวใจที่มีความหวังขึ้น

มันมองเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำและคิดในใจว่า

"ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็น่าจะมีลูกได้อีก"

แล้วมันก็ตัดสินใจเดินกลับไปหาฝูงหมูป่าของมัน


วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567

หมูป่านักวิ่ง

 หลังจากกินดินโป่งเสร็จแล้วกลุ่มหมูป่าวัยรุ่นในฝูงมักจะเล่นวิ่งแข่งกัน และตัวที่ชนะทุกครั้งก็คือ "หมูเอ" 

หมูเอ เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการวิ่ง มันวิ่งเร็วจนไม่มีใครตามทัน

เวลาที่เจอเสือมันก็จะเป็นตัวแรกที่หนีได้อย่างรวดเร็ว

หมูบี หมูซี ถึงหมูแซด ต่างก็ชื่นชมมัน

นานวันเข้า หมูเอ ก็ชะล่าใจ ไม่ยอมซ้อมวิ่งอีก เพราะมั่นใจในฝีเท้าของตัวเอง

ส่วนหมูบี หมูซี ถึงหมูแซด ก็ยังคงเล่นวิ่งแข่งกันอยู่ตลอด แพ้บ้างชนะบ้าง ผลัดกันไป

ในตอนหลังเวลาที่ หมูเอ มากินดินโป่ง มันก็กินอย่างสบายใจ ไม่ระแวดระวังเหมือนแต่ก่อน บางครั้งถึงกับนอนหลับอยู่ที่โป่ง

ผิดกับเพื่อนๆ ของมันที่ยังระวังตัวอยู่เสมอ

และวันที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของ หมูเอ ก็มาถึง

เมื่อเสือโคร่งหิวโหย ที่จับสัตว์อะไรกินไม่ได้มานานมากแล้ว มาซุ่มรอหาเหยื่ออยู่ที่โป่งดินนี้

มันซุ่มดูฝูงหมูป่านี้มาสักพักหนึ่ง และเลือก หมูเอ เป็นอาหารมื้อต่อไปของมัน

พอ หมูเอ กินดินโป่งจนอิ่มแล้วงีบหลับไป

เสือโคร่งหิวโหยก็ค่อยๆ แอบย่องเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบ

กลุ่มหมูบี หมูซี ถึงหมูแซด ที่วิ่งเล่นกันอยู่ เมื่อได้เห็นเสือโคร่งย่องเข้ามาใกล้ ก็ใส่เกียร์หมูป่าวิ่งหนีกันสุดชีวิต

หมูเอ สะดุ้งตื่นเพราะเสียงวิ่งหนีราวฟ้าถล่ม

มันจึงได้สบตากับเสือโคร่งหิวโหยที่จ้องเขม็งมาที่มัน

หมูเอ ตกใจสุดขีด มันรีบวิ่งออกไปสุดแรงเพื่อเอาชีวิตรอด

แต่อนิจา มันไม่อาจวิ่งได้เร็วดั่งใจนึกเหมือนในอดีต

ทุกก้าวที่มันย่ำลงไปช่างหนักหน่วง

มันรู้สึกเหมือนขาแต่ละข้างถูกถ่วงน้ำหนักไว้

ภาพต่างๆ ในอดีตของมันย้อยกลับมา มันหวังว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง

แต่ความเร็วของมันในตอนนี้ ไม่อาจหนีพ้นกงเล็บและคมเขี้ยวของเสือโคร่งหิวโหยได้

หมูเอ มองเห็นรอยเท้าของเพื่อนๆ ที่วิ่งหนีไปเป็นภาพสุดท้าย

รอยเท้าของมันควรจะเป็นรอยเท้าที่นำเพื่อนๆ อยู่เสมอ

ถ้ามันไม่ประมาทจนปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้