วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

The Florida Project (2017)

**บทความอาจเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง**
ทีแรกตั้งใจว่าดูเสร็จแล้วจะมาเขียนบทความน่ารักใสๆ เหมือนกับน้องมูนี่ (Moonee) ตัวเอกของเรื่อง
แต่พอดูหนังจบนี่ถึงกับกุมขมับ...นี่มันหนังสะท้อนปัญหาสังคมชัดๆ

ดีที่หนังเล่าผ่านมุมมองของน้องมูนี่ จึงช่วยลดความจริงจังของปัญหาลงไปได้


"มูนี่" หนูน้อยที่เริงร่าท้าลมฝน แต่มีพฤติกรรมราวกับ หายนะน้อยๆ
สร้างความปวดหัวให้กับผู้ใหญ่หลายคน

นิสัยของหนูมูนี่ คงได้อิทธิพลมาจากคุณแม่ ที่ไม่ยึดติดในระเบียบของสังคม มีความเป็นขบถหน่อยๆ
แต่ก็มีความจริงใจ ตรงไปตรงมา ที่สำคัญเธอไม่เคยทอดทิ้งหนูมูนี่ ซึ่งเป็นลูกสาวของเธอ

ในชุมชมของห้องพักสีม่วง ซึ่งเป็นเสมือนภาพแทนของสังคมคนชายขอบ
ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ร่ำรวย แต่ก็ดูมีความสุขดีกับรูปแบบชีวิตของตัวเอง

ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ตัวละครหลักจะเป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกที่ยังเด็ก
บางคนอาจเลี้ยงหลาน หรือช่วยเลี้ยงลูกเพื่อน ทุกคนดูใส่ใจเด็กๆ อย่างจริงใจตามกำลังความสามารถของตน
ซึ่งอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนูน้อยทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใย และร่าเริงได้เสมอ

ในชุมชนนี้ยังมีเรื่องระบบสังคมที่ซ้อนทับไปกับการใช้ชีวิตของตัวละคร
โดยมีผู้ปกครองที่เป็นผู้จัดการชื่อ บ๊อบบี้ (Bobby) คอยดูแลความสงบในชุมชนนี้

คอยซ่อมแซมอาคารและแก้ปัญหาต่างๆ บางครั้งยังช่วยระวังคนที่อาจมาสร้างปัญหา
ในบางทีก็เป็นเสมือนคุณปู่ ที่คอยช่วยเหลือคุณแม่น้องมูนี่
มีความห่วงใยคนในชุมชม ในแบบที่ "รัฐ" ไม่อาจทำได้

แต่ผู้ปกครองคนนี้ก็สูญสิ้นอำนาจทันทีที่ เจ้าของชุมชมตัวจริงเข้ามาตรวจงาน
บ๊อบบี้ ต้องคอยจดระเบียบข้อบังคับที่ เจ้าของ ตั้งขึ้นมาเพื่อให้สังคมดูเป็นระเบียบ

เพราะเมื่อมองจากระยะไกล ความเป็นระเบียบ คงเป็นภาพแทนของความสงบในสังคม
แต่เมื่อมองจากระยะใกล้ หรือมองจากภายในสังคมออกไป
จะเห็นว่าความอะลุ้มอล่วยในบางเรื่อง อาจเป็นทางออกที่ยั่งยืนกว่า
นั่นคือสิ่งที่ บ๊อบบี้ แสดงออกให้เราได้เห็น

แต่ไม่ว่าระบบจะพยายามช่วยคนในสังคมอย่างไร
จุดตั้งต้นก็ยังเป็นบุคคลคนนั้นต้องช่วยเหลือดูแลตัวเองก่อน

คุณแม่ของหนูมูนี่ จึงพยายามทุกทางเพื่อให้มีเงินมาจ่ายค่าที่พักและเลี้ยงดูหนูมูนี่

ดังคำกล่าวที่ว่า "คนในยุทธจักร ยากนักจะเป็นตัวของตัวเอง"
อาจมีบ้างแม้ท่านไม่ปรารถนาจะกระทำ แต่ก็มิอาจไม่กระทำ (ยังคงอินกำลังภายในอยู่ ^_^)

ท้ายที่สุดคุณแม่หนูมูนี่จึงเลือกประกอบอาชีพที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดอาชีพหนึ่ง

จนเกิดซีนห้องอาบน้ำที่ทำให้คนดูแทบหัวใจสลาย
เมื่อหนูมูนี่เอื้อมมือมาจับผ้าม่านด้วยสีหน้าที่ยากบรรยาย

...ดวงใจน้อยๆ ของหนูนั้น ต้องแบกรับเรื่องราวหนักหนาเพียงใด ใครเล่าจะรู้...

แต่หนูมูนี่ก็ยังยิ้มได้ เพราะโลกจะเป็นอย่างไรย่อมขึ้นกับหัวใจเราที่มอง
เมื่อหัวใจมีความร่าเริงสดใส โลกย่อมต้องสดใส

อาจเพราะความรักจากคุณแม่ ยังคอยกอดดวงใจของหนูมูนี่ ให้อบอุ่นได้เสมอ
สำหรับชีวิตหนึ่ง เท่านี้อาจเพียงพอแล้ว

แต่เมื่อ รัฐ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในมุมมองของรัฐ
ความรัก เพียงอย่างเดียว จึงไม่เพียงพอ

เมื่อมองกันต่างมุมจึงยากจะเข้าใจกัน
เพราะต่างก็เป็นฝ่ายถูกในมุมมองของตน

ชีวิตหนึ่งจะดำรงอยู่ในสังคม ใยมิอาจเป็นเรื่องง่ายดาย
ถามไถ่โลกหล้า ยุทธจักรกว้างใหญ่ ใยมิมีที่ใดให้พักพิง
คนคนหนึ่งจะหาที่พักใจและกายตนได้อย่างแท้จริงนั้นเป็นเรื่องยาก
หากผู้ใดพบแล้วนับว่าประเสริฐยิ่ง

ซีนจบของหนังจึงเป็นดั่งภาพแทนความต้องการในใจของหนูมูนี่และเพื่อน

ก็ได้แต่หวังว่าหนูมูนี่ จะได้พบพื้นที่แห่งความสุขในใจของตน...แม้ว่าตัวเราเองจะยังคงแสวงหาอยู่ก็ตาม ^_^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น