วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2566

ตำนานวัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

คลื่นสีขาวเบาบางละมุน พัดปลิวตามแรงลมเอื่อยช้า ทาทับยอดเขาเขียวขจี จนกลายเป็นทะเลสีขาวไปทั่วทั้งยอดดอย

“สวยจังเลยค่ะ” เด็กหญิงน่ารักวัย 5-6 ขวบ พูดชมความงามของทะเลหมอกเบื้องหน้า

“ลูกรู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน” คุณพ่อถามลูกสาวตัวน้อย

“วัดพระธาตุดอยพระฌาน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปางค่ะ” ลูกสาวตอบอย่างมั่นใจ เพราะพ่อพูดถึงวัดพระธาตุดอยพระฌานให้ฟังบ่อย ๆ ก่อนที่จะพามาให้เห็นสถานที่จริงในวันนี้

คุณพ่อเกิดและเติบโตที่ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ก่อนจะเข้าไปเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯ จนมีลูกสาวตัวน้อย นานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านเกิด จึงหาโอกาสพาลูกสาวมาชมสถานที่ที่สวยที่สุดในความทรงจำของตัวเองแห่งนี้

“แล้วลูกรู้มั้ยว่าทำไมที่นี่ถึงชื่อวัดพระธาตุดอยพระฌาน” พ่อถามลูกสาวต่อ ลูกสาวทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “ไม่รู้ค่ะ”

“เรื่องนี้มันมีที่มา” พ่อตอบอย่างมีมาด ก่อนจะจูงมือลูกสาวเดินขึ้นไปยังพระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ด้านหลังวิหาร พ่อชี้ให้ลูกดูที่พระธาตุ “ที่ตรงนี้คือจุดเริ่มต้นของวัดพระธาตุดอยพระฌาน”

ลูกสาวตัวน้อยมองไปที่พระธาตุแล้วหันมองหน้าพ่อด้วยดวงตากลมโต เหมือนกับรอคอยฟังเรื่องราวที่เหลือ คุณพ่อจึงค่อย ๆ เล่าให้ฟัง 

“เรื่องราวเมื่อนานแสนนานมาแล้วในสมัยพุทธกาล หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง และออกเดินทางเผยแพร่ธรรม พระพุทธองค์จะทรงเพ่งฌานสมาธิ เพื่อตรวจดูว่ามีที่ไหนเหมาะสมที่จะไปเผยแพร่หลักธรรม และตรงนี้เองคือจุดที่พระพุทธองค์ทรงฌานมาพัก” พ่อผายมือไปที่พระธาตุ ลูกสาวก็มองตามและพยักหน้าหงึก ๆ 

“ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็เลยเรียกดอยแห่งนี้ว่า ดอยพระฌาน” 

พอพ่อพูดจบลูกสาวก็อุทานขึ้นว่า “โอ้โห” พ่อยิ้มนิดนึงแล้วจึงเล่าต่อ “แต่ตอนนั้นยังไม่มีพระธาตุสวย ๆ แบบนี้นะ” ลูกสาวหันมองหน้าพ่อด้วยสีหน้าสงสัย 

“จะมีแค่อาสนะนั่งที่ประกอบไปด้วย ก้อนหิน ก้อนดิน ศิลาแลงก้อนเล็กก้อนน้อยเท่านั้นเอง” พ่ออธิบาย ลูกสาวจึงถามว่า “แล้วกลายเป็นพระธาตุสวย ๆ แบบนี้ได้ยังไงคะ”

คุณพ่อจึงเล่าต่อไปว่า “ตั้งแต่ตอนนั้นดอยพระฌานก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง มีชาวบ้านในชุมชนขึ้นมากราบไหว้บูชา แต่ก็ไม่ได้เป็นกิจจะลักษณะเท่าไร จนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนครูบาเจ้าเตจ๊ะ สิริธัมโม วัดป่าตันหลวง และครูบาธำ ธัมมลังกา วัดนาคตหลวง ได้ไปนิมนต์ ครูบาเจ้าอโนไชย วัดปงสนุกเหนือ อำเภอเมืองลำปาง ผู้ปกครองคณะสงฆ์ลำปาง มาเป็นประธานสงฆ์ แล้วก็มีครูบาเจ้าปินตา วัดปงสนุกใต้ ร่วมกับพระสงฆ์สามเณรในเขตพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ขอขมาสถานที่ แล้วทำการปฏิสังขรณ์ ก่อเจดีย์พระธาตุขึ้นมาครอบแท่นอาสนะ ที่พระพุทธองค์เคยทรงฌานมาพัก จนเกิดเป็นเจดีย์พระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ขึ้นบนยอดดอยพระฌานแห่งนี้นั่นเอง” 

ลูกสาวมองไปที่พระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็พนมมือไหว้ ก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วเป็นยังไงต่อคะ”

“ในตอนนั้นมีเพียงพระธาตุสีขาวบริสุทธิ์องค์เดียว บนยอดดอยพระฌานแห่งนี้” พ่อตอบ

“พระธาตุคงเหงาแน่เลย” ลูกสาวพูดเบา ๆ ด้วยสีหน้าสงสาร คุณพ่อลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู แล้วบอกว่า

“แต่ก็มีชาวบ้านในชุมชนขึ้นมากราบไหว้บูชาอยู่ทุกปีนะ เพราะองค์พระธาตุสีขาวนี้คอยปกปักรักษาชาวบ้านชุมชนตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปางตลอดมา แต่ก็ใช้เวลาอีกเป็นร้อยปีก่อนที่จะมีการก่อสร้างวิหารและสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติม จนกลายมาเป็นวัดพระธาตุดอยพระฌานที่วิจิตรงดงามเหมือนในปัจจุบัน” คุณพ่อจูงมือลูกสาวเดินมาที่ระเบียงวิหารเพื่อมองดูบันไดนาคที่ทอดยาวลงไปยังเบื้องล่าง

“ลูกเห็นบันไดนาคยาว ๆ ตรงนั้นมั้ย” พ่อชี้ให้ลูกดู 

“เห็นค่ะ” ลูกสาวมองตามที่พ่อชี้

“เมื่อก่อนสมัยที่ยังไม่มีบันไดนาคแบบนี้ ก่อนที่พ่อจะเกิดอีก พระครูปัญญาวุฒิคุณ หรือหลวงพ่อปัญญา คันธิโย อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคตหลวง พระสงฆ์ผู้เป็นศูนย์รวมศรัทธาของพระเณร และพุทธศาสนิกชนชาวตำบลป่าตัน เป็นผู้นำชาวบ้านขึ้นมาช่วยกันบูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุที่เริ่มทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ท่านยังได้ปรับปรุงสถานที่ สร้างบ่อน้ำ สร้างศาลา ไถปรับสันเขาให้เป็นลาน เพื่อความสะดวกในการประกอบพิธีบูชาพระธาตุประจำปี 

โดยทุกวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี หลวงพ่อปัญญา จะเป็นผู้นำให้ชาวบ้านขึ้นมาประกอบพิธีบูชาพระธาตุอย่างสม่ำเสมอ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ จนถึงวันที่ท่านละสังขารจากไป” 

ลูกสาวมองหน้าคุณพ่อที่กำลังเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ คุณพ่อมองหน้าลูกก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วย่อตัวลงมาพูดกับลูกสาวว่า  

“คุณย่าเคยเล่าให้พ่อฟังว่า หลวงพ่อปัญญาได้เคยบอกกับชาวบ้านไว้ว่า ‘ท่านไม่ใช่เจ้าของดอยพระฌาน ท่านทำได้แค่นี้ แต่ต่อไปในภายหน้า เจ้าของเขาจะมาบูรณะก่อสร้างให้เจริญรุ่งเรือง’

นั่นเป็นเรื่องที่คุณย่าจำได้แม่น แล้วเล่าให้พ่อฟัง เพราะแม้หลวงพ่อปัญญาจะบอกกับชาวบ้านแบบนั้น แต่คุณความดีและจริยวัตรอันเป็นแบบอย่างของท่าน ก็ได้ส่งผลให้ชาวบ้านศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น และยังคงขึ้นมาสักการะพระธาตุดอยพระฌานเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน” คุณพ่อพูดกับลูกสาวด้วยสีหน้าเปี่ยมศรัทธา

“แล้วที่นี่กลายมาเป็นวัดใหญ่ ๆ แบบนี้ได้ยังไงคะ” ลูกสาวตัวน้อยถามด้วยความอยากรู้ พ่อจึงพาลูกสาวเดินลงมานั่งที่ซุ้มประตูโขงทางลงบันไดนาค

“จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะกลายมาเป็นวัดพระธาตุดอยพระฌานนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552 เมื่อพระอาจารย์พรชัย อัคควังโส ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยพระฌานรูปปัจจุบัน และพระปิยพงษ์ ธัมมวังโส ซึ่งเป็นชาวบ้านนาคต ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้เดินทางมาสำรวจและพำนักอยู่บนยอดดอยพระฌาน

สาเหตุที่ทั้ง 2 ท่านเดินทางมาพักบนยอดดอยนี้เพราะว่า พระอาจารย์พรชัยได้มีนิมิตบอกให้มาอยู่ที่แห่งหนึ่ง เป็นดอยที่มีพระธาตุองค์สีขาว มีแม่น้ำไหลผ่าน และในนิมิตยังบอกอีกว่า ‘ขอให้มาช่วยสร้างวัดให้หน่อย ต่อไปในภายหน้าคนจะขึ้นมาเยอะ ที่นี่จะพาคนไปสวรรค์ได้มาก’

หลังจากนั้นพระอาจารย์พรชัย จึงเล่าให้พระปิยพงษ์ ซึ่งเป็นพระภิกษุสหธรรมิกที่บวชพร้อมกันได้รับฟัง พอพระปิยพงษ์ ได้ฟังจนจบก็คาดว่าดอยแห่งนั้นน่าจะเป็นดอยพระฌาน ที่สามารถมองเห็นได้จากหน้าบ้านท่านที่บ้านนาคต ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ซึ่งตัวท่านเองเพียงเคยได้ยินแต่ชื่อ ยังไม่เคยได้ขึ้นไป จึงได้นัดหมายกับพระอาจารย์พรชัย ออกเดินทางมาสำรวจยังดอยพระฌานแห่งนี้”

คุณพ่อเล่ามาถึงตรงนี้ก็หยุดพักเพื่อจะดูว่าลูกสาวยังตั้งใจฟังอยู่หรือไม่ ส่วนลูกสาวนั้นก็ส่งสายตาสดใสกลับมาอย่างสนใจ พ่อเลยเล่าต่อไปว่า

“ในตอนนั้นพระอาจารย์พรชัย และพระปิยพงษ์ ต้องเดินทางมาจากจังหวัดอื่นค่อนข้างไกล พอมาถึงที่ดอยพระฌานนี้ ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พระอาจารย์พรชัยก็มั่นใจว่าตรงกับนิมิตที่ท่านเห็น จึงตัดสินใจปักหลักอยู่ที่นี่ เพื่อจะพัฒนาให้เป็นวัดต่อไปตามที่นิมิตบอก แต่การที่พระเพียง 2 รูปจะสร้างวัดนั้นไม่ง่ายเลย เพราะยังขาดทั้งแรงงานและทุนทรัพย์”

เล่าถึงตอนนี้ ลูกสาวที่ตั้งใจฟังอย่างดีจึงถามขึ้นมาว่า “แล้วทั้ง 2 ท่านทำยังไงคะ มีใครมาช่วยหรือเปล่า” พ่อหยุดนิดนึงแล้วจึงบอกว่า  

“ระหว่างนั้นพระอาจารย์พรชัย และพระปิยพงษ์ ก็ได้พักและปฏิบัติธรรมอยู่ที่กุฏิเล็ก ๆ บนยอดดอยพระฌานแห่งนี้เพื่อหาทางพัฒนาต่อไป 

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2555 เวลาใกล้เที่ยง ขณะที่พระอาจารย์พรชัย กำลังอ่านหนังสืออยู่ในกุฏิ ก็ปรากฏมีร่างคนร่างหนึ่ง เดินทะลุประตูเข้ามาในกุฏิ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน เป็นสตรีทรงผมหยิกฟูละเอียดย้อมม่วง แต่งหน้าเข้มปากแดง มีผ้าคลุมดำคลุมตัว เสื้อมีคอปกตั้งอย่างฝรั่ง เข้ามายืนนิ่งอยู่ตรงหน้า 

สักพักก็เอ่ยด้วยเสียงดุ ๆ ว่า ‘ท่าน ท่านมาอยู่ที่นี่นานแล้ว เมื่อไรจะเริ่มสร้างวิหาร’

พระอาจารย์พรชัยมองไปที่สตรีท่านนั้น แล้วตอบในใจไปว่า ‘ก็ไม่มีทุนทรัพย์จะสร้างได้อย่างไร   หาทุนมาให้สิแล้วจะสร้างให้’

สตรีท่านนั้นก็ตอบว่า ‘ได้ เดี๋ยวจะหาให้’ แล้วร่างนั้นก็หายไป” พ่อพูดกับลูกสาวที่กำลังตั้งใจฟัง

“ว้าว! มีพี่นางฟ้ามาช่วยแน่เลย” ลูกสาวพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น พ่อยังคงลูบหัวลูกสาวเบา ๆ แล้วดึงเข้ามากอด เล่าเรื่องส่วนที่เหลือต่อไป

“หลังจากนั้นก็เหมือนกับปาฏิหาริย์ เริ่มมีชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาร่วมแรงร่วมใจกันหาปัจจัยมาสร้างวัด บางคนที่เป็นช่างฝีมือก็มาช่วยสร้างแบบไม่คิดค่าแรง ใครมีอะไรก็ส่งมาช่วยกัน โดยมีพระอาจารย์พรชัย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการกำกับดูแลงานสร้าง ตั้งแต่วิหาร บันไดนาค ศาลา ไปจนถึงพระไดบุตสึ ทางด้านหลัง” ขณะที่พูดพ่อก็อุ้มลูกสาวเดินขึ้นไปทางศาลาด้านหลัง เพื่อไปดูพระไดบุตสึ 

เมื่อไปถึงก็ปล่อยให้ลูกสาวเดินขึ้นบันไดไปไหว้พระไดบุตสึ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองที่พระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ที่ยืนเด่นเป็นสง่า มีผนังสีดำของวิหารเป็นฉากหลัง โอบล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจีบนยอดเขา ที่ไกลออกไปยังหลงเหลือปุยเมฆสีขาวเบาบางประดับดั่งริ้วน้ำในท้องทะเล ที่เบื้องล่างมีลำน้ำแม่จางทอดตัวยาวตลอดสาย และที่สุดปลายสายตาคืออำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง 

ภาพนี้ยังแจ่มชัดในความทรงจำของหนู ถึงจะผ่านมา 20 ปีแล้ว 

นั่นทำให้หนูตัดสินใจมายังวัดพระธาตุดอยพระฌานอีกครั้ง แม้ว่าคุณพ่อจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่การมายืนตรงนี้ทำให้เรื่องราวตำนานที่พ่อเคยเล่าให้ฟังแจ่มชัดขึ้นมา ทุกอย่างยังเหมือนกับวันนั้นที่พ่อคอยเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้หนูฟัง ต่างก็เพียงว่าวันนี้วัดพระธาตุดอยพระฌานมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามเพิ่มเติมขึ้นอีกมาก จากพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

 แต่องค์พระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่มาตั้งแต่ต้น ยังคงโดดเด่นสวยงามอย่างที่เคยเห็นกับพ่อเมื่อตอนนั้น ความงดงามที่เห็นในวันนี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย กลับยิ่งเพิ่มความน่าศรัทธามากขึ้น 

หนูเชื่อว่าพ่อจะมองลงมาเห็นจากบนสวรรค์ เรื่องราวที่พ่อเคยเล่าให้หนูฟังในวันนั้น ทำให้หนูมายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ และหนูจะบอกเล่าเรื่องราวนี้ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ให้ทุกคนได้รับรู้ถึงตำนานที่พ่อเคยเล่าให้หนูฟัง “ตำนานวัดพระธาตุดอยพระฌาน”


จบบริบูรณ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น