วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

จองเอง เที่ยวเอง : เชียงใหม่-มะละกา-กัวลาลัมเปอร์ Part 1

22-25.08.2015


กว่าจะหาเวลาเขียนบทความนี้ได้ก็ผ่านมาเกือบปี จนลืมรายละเอียดไปหมดแล้ว ต้องมานั่งเปิดดูรูปที่ถ่ายไว้ ถึงจะนึกเหตุการณ์ต่างๆ ออก ทำให้รู้ว่ารูปที่ถ่ายไว้มีประโยชน์อย่างนี้เอง ไว้ช่วยฟื้นคืนความทรงจำเก่าๆ

ทริปนี้ผมเพิ่มภาระให้ตัวเองด้วยการพกกล้อง Action Camera ไปถ่ายวิดีโอเพื่อเอากลับมาตัดต่ออีกด้วย และแน่นอน Footage ต่างๆ ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ยังไม่ได้ถูกนำมาตัดต่อเข้าด้วยกัน 5555+ (ต้องมานั่งเขียนบทความไป ตัดต่อไปสลับกัน ภาพนิ่งที่ลงเลยไม่ได้แต่ง ถ่ายมาอย่างไรลงไปอย่างนั้น บางรูปอาจจะอันเดอร์ไปบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย)
นึกถึงสิ่งที่ต้องจัดการเพื่อให้บทความนี้ลุล่วง ก็อยากจะปิดคอมฯ แล้วไปนอนให้รู้แล้วรู้รอดไป

แต่ก็นั่นแหละครับ ภาระที่เราสร้างไว้ ใครจะมาจัดการให้เราได้ นอกจากตัวเราเอง

โจทย์ใหม่อีกอย่างของทริปนี้ก็คือ ผมต้องเป็นผู้นำทริปไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งมีสมาชิกคือ พ่อ แม่ และแฟนของผม และผมต้องวางแผนการท่องเที่ยวทุกอย่างเองทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ และเป็นครั้งแรกที่มาประเทศมาเลเซีย 5555+ (หัวเราะแบบจอมยุทธ์ในละครจีน คือ จะหัวเราะทำไม???)

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าท่านไม่รู้จะเริ่มต้นการท่องเที่ยวนี้อย่างไร "กูเกิล" ช่วยท่านได้

ใช่ครับ อยากรู้อะไรก็หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่แหละครับ
ทั้ง pantip.com, tripadvisor.com (อันนี้ดีมาก มีคนในพื้นที่มาตอบละเอียด ผมไปขึ้นรถเมล์ถูกเพราะคำอธิบายในนี้แหละครับ) และเว็บท่องเที่ยวของไทยอื่นๆ อีกหลายอัน ต้องขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

แต่ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ...ท่านไม่ต้องนึกครับ ไปเห็นกับตาของท่าน (ยายด้วยก็ได้) ผ่าน Google Street View
ท่านจะได้รับชมสถานที่ต่างๆ เสมือนท่านเดินอยู่ในนั้น มองเห็นวิว 360 องศา (ร้อนแย่เลย-ไม่ใช่อุณภูมิ!-ตึ่งโป๊ะ)

เมื่อใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลทั้งจากหนังสือและเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว
ผมก็เขียนแผนการเดินทางออกมาดังนี้ (แท่นแท้น!!!)


เห็นแล้วก็ภูมิใจฮะ เหมือนได้เห็นลูกชายคนโตรับปริญญาใบแรกหลังจากเรียนมา 8 ปี...

ค่าใช้จ่ายมีดังนี้

1. ค่าตั๋วเครื่องบินเชียงใหม่-มาเลเซีย 4 คน : 11,300 บาท
2. ค่าที่พักมะละกา 1 คืน 2 ห้อง : 1,330 บาท
3. ค่าที่พักกัวลาลัมเปอร์ 2 คืน 2 ห้อง : 3,259 บาท
4. ค่ากินและเดินทาง 4 วัน : 11,429 บาท
เฉลี่ยแล้วตกคนละ 6,830 บาท (รวมทุกอย่าง)
**ขอบคุณแฟนผม ผู้จดข้อมูลต่างๆ เหล่านี้

เสาร์ 22 สิงหาคม 2558

เครื่องบินขึ้นที่เชียงใหม่ตอน 9.10 น. เป็นเวลาทานอาหารเช้าพอดี เราเลยสั่งอาหารผ่านเว็บไซต์ไว้สำหรับ 4 ที่ 
แน่นอนว่าเราหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตจากที่เค้ารีวิวกันไว้ ว่าอันไหนน่าอร่อย ผลลัพธ์ที่ได้คือ
อันนี้ไม่มีใครรีวิว แต่อยากกิน Roti Canai with Chicken Curry อร่อยกว่าที่คิดเยอะเลยครับ นุ่มกำลังดี

Nasi Lemak อันนี้ของแฟนผม เค้าว่ารสชาติโอเค
ของพ่อกับแม่ผมก็รสชาติใช้ได้อยู่ ทีแรกนึกว่าอาหารบนเครื่องบินจะรสชาติแย่กว่านี้ แต่ผมไม่ค่อยเรื่องมากในการกินอาหาร ถ้าไม่แย่จริงๆ ผมก็กินได้หมดแหละครับ




ถึงสนามบิน KLIA2 (เวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง อย่าลืมปรับนาฬิกานะครับ) เวลาประมาณ 13.00 น.

มาถึงต้นกำเนิดสายการบินแอร์เอเชียละ
เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปซื้อซิม (ใส่โทรศัพท์มือถือ) ของมาเลเซียเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกันที่นี่ ทุกคนจะได้มีอิสระในการเที่ยวเต็มที่ ได้ซิมของ HotLink มาในราคาอันละ 21 RM (Ringgit Malaysian สกุลเงินของมาเลเซีย ช่วงที่ผมไปอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 8.91 บาท ต่อ 1 RM)
เป็นแพคเกจประมาณ 7 วัน พร้อมโทรและเล่นเน็ต ประมาณนั้นแหละครับ จำไม่ได้ละ แต่ถูกกว่าโรมมิ่งจากเครือข่ายผู้ให้บริการในไทย จากนั้นก็เดินลงมาชั้น 1 เพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์นั่งไปมะละกา
ผมซื้อของ Transnasional จาก KLIA2-Melaka คนละ 24.10 RM
รถออกเดินทาง 14.15 น. เรื่องเวลาเราสามารถเช็คจากเว็บไซต์ของเค้าได้ก่อนเลยนะครับ ผมรู้ว่าเครื่องที่ผมนั่งมาจะถึงกี่โมง เผื่อเวลาแล้วเราน่าจะนั่งรถเที่ยวไหนทัน ก็วางแผนมาจากที่บ้านเลย
ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ
http://www.klia2.info/buses/bus-operators/transnasional/service-routes-from-klia2-to-malacca
โชคดีว่าที่นี่เค้าก็ค่อนข้างตรงเวลา เราเลยเหลือเวลาที่จะทานอาหารกลางวันก่อนขึ้นรถ
เราลงมาจากผู้โดยขาเข้าที่ชั้น 2 เพื่อมาต่อรถทัวร์ที่ชั้น 1 แล้วก็ซื้ออาหารที่มินิมาร์ท KK ด้านหลังนั้นแหละ
มินิมาร์ท KK นี้จะเห็นได้เยอะมากตอนที่ไปกัวลาลัมเปอร์ สงสัยจะเป็นแบรนด์ท้องถิ่น พอนั่งกินอาหารเสร็จยังมีเวลาเหลือ ผมเลยเดินเล่นแถวๆ นั้น เจอโรงแรมแคปซูล (ตอนนั้นที่ดอนเมืองยังไม่มี)
ไม่ได้เข้าไปสอบถามราคา ได้แต่แอบมองอยู่ข้างนอก

จุดขึ้นรถจะเป็นแบบนี้ อยู่ตรงประดูที่เดินออกมาจากสนามบิน
พอเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง (เลทนิดหน่อย) รถทัวร์ที่เราจองไว้ก็มาถึง
ภายในรถเป็นแบบนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
ขึ้นรถแล้วก็หลับกันตามอัธยาศัย ในรถไม่มีห้องน้ำ แต่เค้าไปจอดให้เข้าห้องน้ำตอนวิ่งมาได้สักครึ่งทาง
ตลอดสองข้างทาง ส่วนใหญ่จะเป็นต้นปาล์ม แล้วก็เห็นการก่อสร้างอาคารเป็นระยะ ถนนเส้นนี้ค่อนข้างโล่ง รถวิ่งเป็นระเบียบดี


ประมาณ 17.15 น. ก็มาถึงท่ารถที่มะละกา (Melaka Sentral) แวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ แล้วก็หาข้อมูลรถทัวร์ที่จะนั่งไปกัวลาลัมเปอร์ในวันพรุ่งนี้ พร้อมดูเวลาเดินทาง เสร็จแล้วเราก็นั่งรถสาย 17 เข้าไปลงที่ Dutch Square ค่ารถคนละ 2 RM (รู้สึกว่าน่าจะแพงกว่าปกติ) ระยะทางประมาณ 5 กม. ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รถติดพอสมควรตอนเข้าตัวเมือง
ข้อมูลการขึ้นรถผมเอามาจากลิ้งค์นี้
https://www.tripadvisor.co.uk/ShowTopic-g306997-i9410-k4030209-Town_Bus_17_to_Melaka_Town_Centre_from_Melaka_Sentral-Melaka_Central_Melaka_District_Melaka.html
แล้วก็หาข้อมูลเพิ่มจนเจอลิ้งค์ของเค้าโดยตรง
มีบอกเวลาและเส้นทางที่ผ่าน ถ้าเอาชื่อจุดที่ผ่านไปเทียบในแผนที่ ก็จะรู้เส้นทางที่รถวิ่ง ทำให้ผมรู้ว่าสามารถขึ้นรถอีกสายกลับได้ โดยใช้เส้นทางที่สั้นกว่า (อ่านใน tripadvisor แล้วห่วงเรื่องรถติด) จากจุดที่ผมพักในมะละกา
ภายในรถสาย 17 เหมือนรถเมล์แอร์รุ่นที่หยอดเงินเองบ้านเรา
ข้อดีของโลกยุคอินเทอร์เน็ตจริงๆ ครับ ผมใช้ Google street view ดูจุดที่รถจอดใน Dutch Square แล้วพาไปจนถึงที่พัก พอไปจริงๆ ก็เดินไปถูกต้องรวดเร็ว เสมือนเคยไปมาแล้ว แต่ก็ถือว่าเคยไปมาแล้วในโลกเสมือนละนะ รอให้ VR มีการใช้งานแพร่หลายกว่านี้ เราคงจะเที่ยวจากที่บ้านได้สบายๆ ละครับ

Dutch Square ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาเดินเที่ยว
ลงรถเมล์บริเวณ Dutch Square ซึ่งกำลังทำการก่อสร้าง เลยไม่ค่อยสวยงามเท่าไร แล้วก็ข้ามสะพานไปที่พัก
ผมจองที่พักผ่าน agoda.com จริงๆ แฟนผมเป็นคนจัดการ เราเลือกที่ใกล้กับ Jonker Street Night Market (ประมาณถนนคนเดินกาดกองต้า จ.ลำปาง) และผมอยากได้ติดแม่น้ำ ในราคาที่ไม่แพง ก็เลยได้ที่พักชื่อ Voyage Cottage Lodge เป็นอาคารเก่าที่ปรับปรุงเป็นที่พัก พนักงาน (น่าจะเป็นเจ้าของ ประมาณคนรุ่นใหม่กลับมาทำธุรกิจที่บ้านซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เหมือน จ.เชียงใหม่) ยังวัยรุ่น พูดภาษาอังกฤษได้พอสมควร อัธยาศัยดี เป็นกันเอง อาคารถึงจะเก่าแต่ก็สะอาด 

ด้านหน้าที่พัก (รูปนี้ถ่ายวันกลับ คือเช้าของวันพรุ่งนี้)
ภายในห้องพัก แคบแต่สะอาด อีกด้านเป็นที่วางของ อย่าลืมเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟไปด้วยนะครับ

ด้านหลังที่พักบรรยากาศดีมาก
พอจัดของ อาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว (ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมนะครับ มีห้องพัก 3 ชั้น ห้องน้ำ 2 ชั้น) ก็ออกไปทำตามกำหนดการที่วางไว้ คือ นั่งเรือล่องแม่น้ำมะละกา ...ระหว่างที่เดินไปขึ้นเรือ ก็แวะชมวิวริมแม่น้ำไปด้วย




เรือ และจุดขึ้นเรือ
โดยใช้บริการของ Melaka River Cruise http://www.melakarivercruise.com/
ในเว็บไซต์บอกราคาชาวต่างชาติคนละ 15 RM แต่ครอบครัวผม 4 คนทำไมราคา 84.8 RM ผมก็จำไม่ได้ละ จะมีขนมและน้ำให้คนละถุงด้วย ระยะทางล่องแม่น้ำประมาณ 5.5 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ผมเลยรอเวลาให้เย็นๆ หน่อย คือให้ขาไปดวงอาทิตย์ยังไม่ตก แต่ขากลับดวงอาทิตย์ตกแล้ว จะได้เห็นวิวทั้งก่อนเปิดไฟ และหลังเปิดไฟ ครบเลย

ดูได้จากวิดีโอนี้เลยครับ (คลิกตรงสามเหลี่ยมสีขาวกลางภาพ)

พอไปถึงจุดยูเทิร์น เรือก็จะวิ่งกลับมาจอดที่เดิม จากนั้นเราก็เดินไปที่ Jonker Street Night Market (Jalan Hang Jebat) ซึ่งเปิดเฉพาะศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และเราไปถึงมาเลเซียในวันเสาร์พอดี ผมเลยเลือกให้คืนแรกเรามาที่มะละกา แทนที่จะเป็นกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมาที่ถนนคนเดินนี้
เดินกลับมาที่ Dutch Square เจอสามล้อรับจ้างประดับไฟสวยงาม พร้อมเสียงเพลงแดนซ์ดั่งสนั่นจากในรถ
มีวิดีโอสั้นๆ ของจักรยานติดไฟให้ดูครับ (คลิกตรงสามเหลี่ยมสีขาวกลางภาพ)


หัวถนนฝั่งใกล้สะพานคึกคักสว่างไสว (มุมขวามือคือร้านข้าวมันไก่ที่เราจะมากินพรุ่งนี้เช้า)

ผู้คนหนาแน่น ตึกสองข้างทางสวยงาม

แต่สินค้าที่ขายเป็นสินค้าทั่วๆ ไป เหมือนคลองถม

มีวัดจีนให้เห็นเป็นระยะ พื้นที่โซนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนเชื้อสายจีน ส่วนเชื้อสายอินเดียจะอยู่ขึ้นไปทางเหนือของมะละกา

อาคารแบบชิโนโปรตุกีส (จีนผสมกับโปรตุเกส)

บะหมี่ร้านดังและอร่อยมาก ชื่อร้าน Gi Kiat Huay

ตอนสั่งใช้เดาเอาล้วนๆ ยืนต่อแถวนาน ก็สังเกตที่คนอื่นเค้าสั่ง สรุปว่าผิด เลยต้องสั่งเพิ่ม 555+
ที่มะละกา เท่าที่ผมเจอจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ โซนนี้เป็นคนจีนก็พูดจีน ผมหน้าจีน แต่พูดจีนไม่ได้ ก็เลยสื่อสารกันลำบาก โดยเฉพาะตอนสั่งอาหาร ที่ผมสั่งได้เป็นบะหมี่แห้ง อร่อยดี แต่แฟนผมอยากกินแบบน้ำเลยไปสั่งเพิ่มอีกชาม สุดท้ายผมก็กินไม่หมดเพราะรวมเป็น 3 ชาม แต่ก็ยังยืนยันว่าอร่อยมาก

ผมเดินไปส่งพ่อกับแม่เข้าที่พัก แล้วผมกับแฟนก็ตัดสินใจออกมาเดินกันต่อให้สุดถนน ทั้งๆ ที่ก็เหนื่อยจากการนั่งเครื่อง และนั่งรถทัวร์มามะละกา แต่มาแล้วก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม
ตึกด้านหน้าที่พัก วาดรูปสวยดี

คราวนี้เดินมาถนนเส้นคู่ขนานด้านหลัง ไม่มีคน เลยเดินสบาย เจอวัดนี้สวยดี

เป็นความบังเอิญและโชคดีมากๆ ที่คืนนี้เค้ามีโชว์จากโรงเรียนสอนเต้นพอดี (ฉลองครบรอบปีอะไรสักอย่าง)

ผมถ่ายวิดีโอมานิดหน่อยครับ เด็กๆ เต้นน่ารักดี (คลิกตรงสามเหลี่ยมสีขาวกลางภาพ)


ขนมหวาน (Cendol) อร่อยดี เป็นน้ำแข็งป่นละเอียด ราดด้วยกะทิกับน้ำตาลเคี่ยว มีลอดช่องให้ใส่เพิ่ม

ที่ป้ายเขียนว่า "บิดาแห่งการเพาะกายของมาเลเซีย"
สรุปว่าเดินได้แค่หัวถนนกับท้ายถนนเท่านั้น เพราะผมเดินตัดออกมาถนนคู่ขนานอีกเส้น เนื่องจากใน Jonker Street Night Market คนแน่นมาก แค่นี้ก็หมดแรงแล้วครับ กลับมาอาบน้ำนอนเตรียมเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น