จองเอง เที่ยวเอง : เชียงใหม่-มะละกา-กัวลาลัมเปอร์ Part 2

22-25.08.2015

<< กลับไปอ่าน Part 1...

อาทิตย์ 23 สิงหาคม 2558

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส ตัวผมเองชอบที่พักรวมๆ กันแบบนี้ คือได้เจอนักท่องเที่ยวคนอื่น ได้ทักทายกันบ้าง (อย่างน้อยก็ยิ้มให้กัน) มีทั้งฝรั่ง และเอเชีย มาจากคนละที่ทั้งภาษาและวัฒนธรรม แต่เราก็ได้มาเจอกันในสถานที่และช่วงเวลาหนึ่ง เพราะความสนใจที่ตรงกัน อยากมาเที่ยวในสถานที่เดียวกัน

ก่อนขึ้นเครื่องก็ได้เจอครอบครัวคนไทย ที่จะมามาเลเซีย พอขึ้นเครื่องก็ได้คุย (คุยตอนจะถึงมาเลเซียแล้ว) กับสาวหมวย ทีแรกนึกว่าคนจีน แต่เค้าบอกเป็นคนมาเลยเซีย แล้วก็แนะนำข้อมูลต่างๆ ให้

ตัวผมเองสนใจผู้คน วัฒนธรรม และธรรมชาติ เวลามาท่องเที่ยว ก็หวังจะได้เจอเรื่องราวเหล่านั้น มันเหมือนได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ ที่ไม่รู้ตอนจบ

อาหารเช้าวันนี้ผมหาข้อมูลมาตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทยละ จริงๆ เรื่องของกินจะเป็นแฟนผมหาข้อมูล เว็บนี้ให้ข้อมูลดีมากเลย http://www.malaysiafanclub.com/index.php?topic=197.0 ลองเข้าไปหารายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ครับ โชคดีที่คนไทยเราเขียนรีวิวดีๆ กันไว้เยอะ หาข้อมูลได้ง่าย

ระหว่างทางเดินไปร้านข้าวมันไก่ ภาพบนผนังตึกสวย เห็นเค้ามาถ่ายพรีเว็ดดิ้งกันด้วย

เมื่อรู้จุดแล้วผมเลยรีบออกไปต่อแถวแต่เช้า ไปถึงร้านประมาณ 8.30 น. ร้านข้าวมันไก่กลม Chop Chung Wah Chicken Rice Ball เอกลักษณ์ของร้านนี้คือ ข้าวจะปั้นเป็นก้อนกลมๆ เหมือนลูกชิ้นลูกใหญ่ๆ

แถวยังไม่ยาวมาก

ผมนึกว่ามาเช้าแล้ว (เช้ากว่านี้ก็ยังกินไม่ลงอยู่ดี) แต่ในร้านมีคนนั่งกินเต็มทุกโต๊ะ ที่เหลือต้องยืนต่อแถวรอด้านนอก แล้วเค้าจะค่อยๆ เรียกเข้าไปตามคิว เมื่อมีคนกินเสร็จ

ยืนที่หน้าร้าน มองข้ามสะพานไปเห็น Dutch Square สีแดงๆ นั่นแหละครับ

ลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ

เห็นหน้าจีนๆ กันหมดแต่กลับพูดกันคนละภาษา เพราะเห็นตอนสั่ง โต๊ะอื่นเค้าก็งงๆ กัน (คงเป็นนักท่องเที่ยว) บางโต๊ะก็สั่งเป็น แต่ถ้าสั่งไม่เป็นแบบพวกผม (พ่อค้าเค้าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ) ทางร้านเค้าจะนับจำนวนคนแล้ว จัดชุดมาเสิร์ฟให้เอง น้ำก็แค่บอกว่าจะเอาหรือไม่เอา จริงๆ ก็สะดวกดีครับ

ไก่ 1 จานและข้าว 4 จาน สำหรับ 4 คน ...ลูกกลมๆ ในจานสีส้มคือข้าวปั้น ไม่ใช่ลูกชิ้น

สำหรับผมอร่อยกว่าที่คิดอีกแล้ว ผมคงชอบข้าวมันไก่ที่ออกฉ่ำๆ หน่อย คือไก่ฉ่ำๆ ข้าวฉ่ำๆ แต่ไม่เละ (ถ้ามา จ.เชียงใหม่ แนะนำ "ข้าวมันไก่แดน" อร่อยมาก) ข้าวอร่อยดี อร่อยจนสั่งมากินเล่นอีก 1 จาน พอกินเสร็จก็บอกเค้ามาเก็บเงิน อันนี้ใช้ภาษามือได้ แต่ตอนคิดเงินเค้าจะบอกเป็นภาษาอังกฤษ 555+

กินข้าวเช้าเสร็จก็ไปเดินเล่นแถวๆ Jonker Walk ที่จัดถนนคนเดินเมื่อคืน

ตอนเช้าถนนโล่งดี

เป็นร้านข้าวมันไก่กลมอีกร้านนึง

ตอนหาข้อมูลเห็นว่าที่นี่สวยดี อยากมาดู

แต่เค้าเปิด 10.00 น. พวกผมไปตอนประมาณเก้าโมงนิดๆ เลยไม่รอ

เดินกลับที่พักดีกว่า

ตั้งใจไปที่ baba&nyonya (http://babanyonyamuseum.com/) แต่เค้ายังไม่เปิด เราเองก็มีเวลาจำกัด เลยกลับไปเก็บของที่โรงแรมก่อน แล้วก็เช็คเอาท์เลย แต่ยังฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพราะตั้งใจว่าจะเดินข้ามไปโซน Dutch Square ไปตามจุดเที่ยวที่น่าสนใจ แล้วค่อยกลับมารับกระเป๋าที่โรงแรม ก่อนจะขึ้นรถเมล์ไป Melaka Sentral 

แต่ฝนดันตก....

เลยถ่ายรูปเล่นแถวที่พัก

ด้านหลังนั่งเล่นได้ชิลๆ

ฝนตกหนักเลย ...เมื่อคืนมุมนี้วิวดี เหมาะแก่การนั่งกินเบียร์

นั่งรอให้ฝนหยุดก็ดันตกหนักขึ้น พ่อกับแม่ผมเลยไม่ไปเดินเที่ยวแล้ว แต่ผมกับแฟนเสียดายที่อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว เลยตัดสินใจใส่ชุดกันฝนไปเดินเที่ยวกัน (เราเตรียมชุดกันฝนบางๆ มาทุกคน)

ชุดกันฝนแบบนี้แหละครับ พกง่าย

บริเวณ Dutch Square กำลังทำการปรับปรุง

Christ Church, Malacca 

ไปเดินเที่ยวตามจุดต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยม (ตามที่หาข้อมูลมา) ทั้งขึ้นเนินไปโบสถ์ St.Paul's จุดนี้มองเห็นวิวทะเลไกลออกไป จากนั้นเดินลงมาที่ป้อม A Famosa สักพักฝนก็หยุดตก เสียดายที่พ่อกับแม่ไม่ได้เดินมาเที่ยวด้วย เดินผ่าน Dataran Pahlawan Melaka Megamall แล้วก็เดินต่อไปที่ Menara Taming Sari Tower (http://menaratamingsari.com/our-attraction/) อันนี้ผมอยากขึ้น ผมชอบดูวิวเมืองจากมุมสูง และแน่นอนว่าไม่ได้ขึ้นเพราะต้องรอคิว (ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่รอนาน) มาเที่ยวแบบเวลาจำกัดก็จะพลาดกิจกรรมที่ต้องรอคิวนานๆ นี่แหละครับ ผมกับแฟนก็เลยเดินกันต่อไปเรื่อยๆ ผ่าน Maritime Museum แล้วก็กลับไปที่พัก

บรรยากาศสถานที่คร่าวๆ ตามในวิดีโอนี้เลยครับ

ประมาณ 11.30 น. เราก็ลากกระเป๋าเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ปลาย Jonker Walk อีกฝั่งตัดกับ Jalan Kubu (ชื่อถนน) แวะถ่ายรูปข้างทางไปเรื่อยๆ

เวทีที่มีการแสดงเต้นเมื่อคืน

เดินมาทางซ้ายอีกหน่อยก็ถึงป้ายรถเมล์

เท่าที่ผมหาข้อมูลมา เราต้องขึ้นรถเมล์ No.3 แต่ถามคนแถวๆ นั้น เค้าบอกว่า รถเมล์ที่ผ่านจุดนี้ไปที่ Melaka Sentral หมด รออยู่ไม่นานก็มีรถเมล์ No.8 มา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เราก็มาถึง Melaka Sentral เพื่อนั่งรถทัวร์ไปกัวลาลัมเปอร์ ที่ Puduraya bus terminal ปัจจุบันเรียกว่า Pudu Sentral โรงแรมที่เราจะพักอยู่ที่นี่แหละครับ

ผมซื้อตั๋วรถทัวร์ของ Konsortium Express ราคาคนละ 13.5 RM รถออก 13.50 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างรอรถทัวร์เราก็หาข้าวกินในสถานี Melaka Sentral รถออกตรงเวลาครับ

วิวข้างทางมีการก่อสร้างให้เห็นเป็นระยะ

รถวิ่งค่อนข้างเป็นระเบียบ

รถพุ่งเข้าสู่ Pudu Sentral คล้ายๆ หมอชิตบ้านเราแต่ดูดีกว่า และมีโรงแรมอยู่ด้านบน

ตอนที่ซื้อตั๋วรถ Konsortium Express ผมก็ไม่รู้ว่ารถจะมาจอดในสถานีตรงนี้เลย สะดวกสำหรับผมมากๆ เพราะแค่ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 ก็ถึงโรงแรม Ancasa Express Hotel @ Pudu by Ancasa Hotels & Resorts ซึ่งแฟนผมก็จองมาจาก agoda.com อีกเช่นเคย

ตอนหาข้อมูลผมเลือกที่นี่เพราะสะดวกในการเดินทาง นึกออกคร่าวๆ ว่าจุดจอดรถกับโรงแรมอยู่ใกล้กัน แต่ไม่นึกว่าจะเป็นอาคารเดียวกันเลยแบบนี้ สะดวกกว่าที่คาดไว้

ชั้น 4 เป็น ที่จอดรถ, Food Court, โรงแรม แล้วก็ที่ออกกำลังกายในร่มหลายๆ ชนิด

ทางเข้าหลักของโรงแรม Ancasa Express Hotel @ Pudu

มองออกไปเห็น KL Tower เป้าหมายในวันพรุ่งนี้ของเรา

เข้าไปติดต่อพนักงานเรื่องห้องพัก ที่นี่เค้าพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ด้านในมีลิฟท์ขึ้นไปห้องพัก

ห้องพักตามมาตรฐานโรงแรมประมาณ 2 ดาว ขอติแค่เรื่องความสะอาด

วิวจากห้องพัก

เข้าที่พักเก็บของ อาบน้ำ ประมาณ 17.00 น. เราก็ออกไปเที่ยว

อาคารที่มีตัวอักษร UTC คือท่ารถ ส่วนยอดสูงตรงกลางคือโรงแรมที่เราพัก

ที่แรกที่เราเดินไปก็คือ Petaling Street @ China Town

บรรยากาศคล้ายๆ เยาวราชผสมคลองถม

คนเยอะ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว

ซาลาเปากับขนมจีบอร่อยดี

ร้านนี้แหละที่เราสั่งซาลาเปากับขนมจีบมากิน เดินสุ่มไปเรื่อยๆ แล้วก็ลองสั่งมากิน โชคดีที่อร่อย 555

สินค้าที่วางขายไม่น่าสนใจ (ประมาณคลองถม) เดินดูผ่านๆ แล้วก็ข้ามไปอีกจุด

มาที่ Kasturi Walk เป็นทางเดินที่มีของขายข้างทาง มีอาหารและสินค้าท้องถิ่น

ติดๆ กันก็เป็น Central Market ตอนหาข้อมูลเค้าแนะนำให้มาซื้อของฝากที่นี่

มีร้านอาหาร ขนม และสินค้าพื้นเมือง แบบแฮนด์เมดก็มี สวยๆ เยอะเลย

ดูแล้วน่าสนใจหลายอย่าง พรุ่งนี้จะมาซื้อของฝากที่นี่ก่อนกลับ วันนี้สำรวจก่อน

เสร็จแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถเมล์ฟรี GO KL City Bus (http://www.gokl.com.my/) ฝั่งตรงข้าม เป็นป้ายรถเมล์นั่นแหละครับ ในเว็บไซต์จะมีแผนที่ให้เราปริ้นท์ออกมา จะบอกเส้นทาง จุดจอดของรถสีต่างๆ สะดวกดีครับ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดในกัวลาลัมเปอร์เลย เมืองท่องเที่ยวอย่าง จ.เชียงใหม่ ขาดสิ่งนี้แหละ ผมเจอนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถเดินทางตอนกลางคืน 2-3 ครั้งแล้วที่ผมต้องไปส่ง เพราะไม่มีขนส่งสาธารณะให้เค้าใช้บริการ 

สำหรับ GO KL City Bus ถึงจะให้บริการฟรี แต่ดีเทียบเท่าหรือดีกว่า รถเมล์แอร์แบบหยอดเงินเองที่ กทม. อีกนะครับ

นั่งรถชมเมืองสั้นๆ ในวิดีโอด้านล่างนี้ได้ครับ

นั่งรถเมล์มาลงป้าย Bukit Bintang เพื่อจะเดินไปถนน Alor ซึ่งเป็นแหล่งร้านอาหาร

ลงรถเมล์มาแล้วก็ถามทางคนแถวนั้นไป Jalan Alor โชคดีที่ในกัวลาลัมเปอร์ ส่วนใหญ่เค้าจะพูดภาษาอังกฤษได้และอัธยาศัยดี ก็สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ

เดินไปตามทางที่เค้าบอก

ผ่านสวนหย่อม

เดินไปสักพัก ก็เริ่มไม่แน่ใจเส้นทาง โชคดีมีนักท่องเที่ยวเดินมาเห็นและพาพวกผมไป 555+

คือเค้าเคยมาหลายครั้งแล้ว และกำลังจะไปหาอะไรกินพอดี เหมือนจะเป็นคนรัสเซียนี่แหละ เพราะเค้าก็ไม่ถนัดภาษาอังกฤษเท่าไร ผมก็แค่พอสื่อสารได้ เลยเดินเงียบๆ ไปด้วยกันจนถึง ถนน Alor...มิตรภาพก่อเกิดจากการเดินทาง ^_^

พอมาถึงนี่หมดสงสัยเลยว่ามาถูกรึเปล่า

เต็มไปด้วยร้านอาหารสองข้างทาง ที่สำคัญ พนักงานในร้านพูดไทยได้!!!

อาหารทะเลอร่อย

ในเน็ตแนะนำให้กินปูเลยสั่งมาลอง

ของกินเยอะมาก กินเสร็จก็เดินหาขนมกินแถวๆ นั้น แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถเมล์

มีป้ายบอกด้วยว่ารถสายไหน จะเข้ามาในกี่นาที สุดยอดจริงๆ อยากให้กทม. มีอย่างนี้บ้าง

เห็นป้าย LED บอกสายรถเมล์เค้าแล้วน้ำตาจะไหล ที่กทม. บ้านเราจุดนั่งรอรถเมล์ก็พัง ป้ายก็ใช้การไม่ได้ ขึ้นรถเมล์ทีก็เสี่ยงชีวิต...เฮ้อ! ประเทศเรามีอะไรดีๆ อีกเยอะครับ อันไหนที่ไม่ดีเราก็แก้ไขไป คิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งนะครับ สาธุ!!!

กลับมาถึงที่พักประมาณสามทุ่มนิดๆ

มาเที่ยวเองก็ดีตรงยืดหยุ่นและปรับกำหนดการได้ตามสถานการณ์ อย่างวันนี้มาถึงกัวลาลัมเปอร์เร็วกว่าที่วางแผนไว้ เราก็ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้เลย ผมว่าสนุกดี

กลับเข้าห้องพักอาบน้ำ นั่งเสพวิวเมืองกลางคืนสักพักก็เข้านอน เตรียมลุยต่อวันพรุ่งนี้

...อ่านต่อ Part3 >>